รัฐ/เอกชนจับมือถกยุทธศาสตร์ใหม่เชียงราย จี้รับมือทุนจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีในสี่เหลี่ยมฯด่วน

เชียงราย – ตัวแทนรัฐ/เอกชนเมืองพ่อขุนฯ ตั้งวงถกยุทธศาสตร์ใหม่เมืองเชียงราย รองรับการเชื่อมโยงการค้ากับมหาอำนาจจีน ผ่านโครงข่ายคมนาคมสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจที่ทยอยเสร็จสมบูรณ์ต่อเนื่อง ผู้ว่าฯเตือนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมพร้อมรับมือทุนต่างประเทศ ทั้งจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ที่ทยอยเข้าลงทุนตามแนวถนน R3a เขต สปป.ลาว ต่อเนื่อง ก่อนตกรถไฟขบวนสุดท้าย ด้านตัวแทนทุนท้องถิ่นจี้รัฐบาลใหม่รื้อสารพัดปัญหา เอื้อการค้า-การลงทุนเขตเศรษฐกิจชายแดนยกกระบิ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำยุทธศาสตร์การค้าจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีนายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน และมีนางวิภาดา ตรีสัตย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย,ผศ.ดร.สุชาติ ลี้ตระกูล รองอธิการบดี ม.ราชภัฏเชียงราย นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงรายนายอนุรัตน์ อินทร เลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงราย ตลอดจนตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 50 คน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย นั้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวย้ำว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมความคิดในการจัดทำยุทธศศาสตร์การค้าจังหวัดเชียงราย เนื่องจากขณะนี้สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีความพยายามที่จะค้าขายกับประเทศในบริเวณนี้ผ่านประเทศไทย ซึ่งเชียงราย มีชายแดนเชื่อมต่อกับพม่า - สปป.ลาว ที่เชื่อมต่อประเทศจีนทางตอนใต้ได้ ทั้งยังมีแม่น้ำโขงที่เดินเรือไปมาหาสู่กันได้ไม่ยาก

รวมถึงถนนสองสายหลัก คือ R3b จาก จีน ผ่านสหภาพพม่า มาเชื่อมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ R3a จากจีนผ่าน สปป.ลาว มารอเชื่อมกับสะพานข้ามโขง ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งพบว่า ขณะนี้นักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เข้าไปลงทุนในเส้นทาง R3a มาก เช่น ที่เมืองบ่อหาร สปป.ลาว ทางผ่านของถนน R3a มีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเบา พร้อมระบบสาธารณูปโภครองรับมากมายแล้ว

ขณะที่ไทย-จีน ตกลงกันที่จะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงของ-แขวงบ่อแก้ว มูลค่ากว่าพันล้านบาท เสร็จในปี 2554 ฉะนั้นภายในปี 2552 หลายอย่างจะเริ่มเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้นแน่นอน

ผู้ว่าฯเชียงราย ยังแสดงความเชื่อมั่นอีกว่า หากจีนส่งเสริมเส้นทางถนน R3a มากกว่า R3b เพราะ ถนน R3b มีปัญหาหลายอย่าง จังหวัดเชียงรายและนักลงทุนไทย ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะทำการค้ากับประเทศจีน ทั้งเรื่องการฝึกบุคลากรให้รู้ภาษาจีน การเชิญชวนนักลงทุนมาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ที่ ต.สถาน และ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ ซึ่งจะพยายามทำให้เป็นนิคมฯมลพิษต่ำ แต่ต้องไม่ซ้ำกับนิคมฯที่เมืองบ่อหาร สปป.ลาว รวมทั้งระบบการขนส่ง และลอจิสติกส์ต่างๆ ที่นักลงทุนไทยจะได้ประโยชน์ ซึ่งภาครัฐพร้อมสนับสนุนเต็มที่

รวมถึงท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 ก็จะมีการก่อสร้างให้เสร็จรับการเดินเรือในแม่น้ำโขง ที่จะยังคงเป็นเส้นทางหนึ่งในการเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้าน และในอนาคตอันใกล้ ตนจะนำคณะเดินทางไปสำรวจเส้นทางถนน R3a นี้ด้วยตนเอง

ด้านนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย เสนอว่า รัฐบาลควรส่งเสริมให้ข้าราชการที่บริหารจังหวัดเชียงราย ได้ทำงานในหน้าที่ต่อเนื่องกัน เพราะบางท่านเมื่อเรียนรู้งานแล้วก็อาจจะถูกย้ายไปที่อื่น ทำให้คนใหม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้งานใหม่เรื่อยๆ นอกจากนี้การรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมระหว่างประเทศในจังหวัดเชียงราย นอกเหนือจากความร่วมมือทางวัฒนธรรมแล้ว อยากให้ส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าให้มากขึ้น

นายพัฒนา บอกอีกว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำยุทธศาสตร์พร้อมผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้มากขึ้นด้วย ขณะที่ภาครัฐควรส่งเสริมให้สิทธิพิเศษทางการค้าเอื้ออำนวยต่อนักลงทุนมากกว่านี้ เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน ควรจะให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนให้ราคาถูกลง การเข้า-ออกเมือง น่าจะมีการส่งเสริมให้ใช้พาสปอร์ตผ่านแดนได้ง่ายในประเทศใกล้เคียง ลดการไปทำวีซ่าที่ กทม.เป็นต้น

นายอนุรัตน์ อินทร เลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงราย เสนอว่า วิสัยทัศน์ของจังหวัด ควรเปลี่ยนจาก “เชียงรายประตูของวัฒนธรรมล้านนาและการค้าสู่สากล” ควรเปลี่ยนเป็น “เชียงรายเมืองทองของวัฒนธรรมล้านนา ศูนย์กลางการค้าสู่สากล” ซึ่งจังหวัดเชียงราย ไม่ควรเป็นแค่ประตูการค้าต่อไป เช่น อาจเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าผลไม้จีน และผลไม้ไทย รับซื้อสินค้ามาและขายไป เพราะจากการเปิดประตูการค้ากับเพื่อนบ้านในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจนับสิบปีมาแล้ว พบว่าชาวเชียงราย ยังไม่ได้ประโยชน์จากการค้าเท่าที่ควร

ขณะที่นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ รองประธานหอการค้า ฝ่ายการค้าชายแดน กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งเข้ามาผลักดัน - สานงานการค้าต่อเนื่อง เพราะเสียเวลามามากแล้ว รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการค้าชายแดนเชียงราย ให้มาก เนื่องจากมีการเติบโตสูงขึ้นทุกปี ซึ่งเชื่อว่าอนาคตอาจก้าวกระโดดมากกว่านี้ได้

ด้านนายชาญชัย ฝอยทอง ผู้แทนชมรมธนาคารจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า นอกจากเรื่องการค้าแล้ว จังหวัดควรหาแนวทางในการปรับระบบการใช้พลังงานให้ดีมากขึ้น เช่น พลังงานน้ำในจังหวัดที่มีแม่น้ำหลายสายและเป็นต้นน้ำ แต่ยังนำมาใช้น้อยแค่ 15% ซึ่งน่าเสียดาย

ส่วนมิติการค้า ในอนาคตพื้นที่แถบนี้จะมีการแข่งขันรุนแรงแน่นอน เมื่อมีการเปิดประตูการค้าเต็มรูปแบบ ซึ่งนักลงทุนจะต้องร่วมมือกันและหาทางปรับตัวโดยเร็ว

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย พบว่า ตั้งแต่ปี 2545-2550 การค้าของจังหวัดเชียงรายกับเพื่อนบ้าน ก้าวหน้าสูงขึ้นเป็นลำดับ จากปีละ 5,000 กว่าล้านบาท ขณะนี้จังหวัดเชียงราย มีมูลค่าการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกกับเพื่อนบ้าน คือ พม่า-ลาวและจีนกว่าปีละ 11,225 ล้านบาท และน่าจะสูงขึ้นอีกแน่นอน