xs
xsm
sm
md
lg

ทีโอทีอ้อนคลังยืดจ่ายภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลังยอมรับปัญหาทีโอทีค้างจ่ายภาษีกรมสรรพากร 4 พันล้านบาทและเงินนำส่งรายได้รัฐต้องรอให้ศาลตัดสินถึงที่สุดจึงจะหาข้อสรุปได้ ด้านแหล่งข่าวทีโอทีระบุสาเหตุที่ค้างจ่ายภาษีและเงินนำส่งเพราะดีแทค-ทรูมูฟยกเลิกจ่ายค่าเชื่อมต่อ 1.4 หมื่นล้านบาทจึงไม่สามารถชำระภาษีได้ตามกำหนด แจงต้องให้ความเป็นธรรมไม่ควรนำเงินดังกล่าวมารวมเพื่อคำนวณฐานภาษี
นายฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงปัญหาการที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)TOT ไม่นำส่งรายได้จากค่าสัมปทาน จำนวน 2,800 ล้านบาทให้แก่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) และค้างภาษีกรมสรรพากรจำนวน 4,000 ล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าวเขาได้รับฟังรายละเอียดจากทั้งฝ่ายหน่วยงานของกระทรวงการคลัง และทีโอทีแล้ว เห็นว่าปัญหาของทีโอทีในขณะนี้ได้เข้าไปสู่กระบวนการศาลแล้ว
ดังนั้นคงต้องรอให้มีการตัดสินออกมาอย่างเป็นทางการเสียก่อนจึงจะทราบว่าโครงสร้างรายได้ที่แท้จริงของทีโอทีเป็นอย่างไรและทีโอทีจะต้องเสียภาษีให้กับกรมสรรพากรเป็นจำนวนเท่าไร รวมถึงการคำนวณเงินนำส่งรายได้รัฐอย่างไร
“เรื่องทีโอทีนั้นปัญหาเขาเยอะ และต้องเห็นใจเขา เพราะว่ารายได้ที่เขาควรจะได้มันยังมาไม่ถึงเขา ดังนั้นการที่เราจะไปเก็บภาษีเขานั้นมันคงไม่ถูก เพราะรายได้มันยังไม่ได้เข้ามาจริง หากรอให้เรื่องตัดสินมาก่อนให้ชัดเจนว่ารายได้เป็นอย่างไรกันแน่น่าจะดีกว่า” นายฉลองภพกล่าว
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการทีโอที กล่าวว่า ได้ทำรายงานสถานการณ์เรื่องคดีที่ทีโอที จากการที่บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)หรือดีแทค และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ได้หยุดจ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่าย(แอคเซสชาร์จ)หรือเอซี ที่มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท ส่งผลให้ทีโอทีขาดรายได้ทำให้ที่ผ่านมาทีโอทีจึงไม่สามารถชำระภาษีเงินได้ในอัตรา 30% และภาระการจ่ายเงินฝันผลพิเศษ
ทั้งนี้หลังจากที่มีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม เมื่อต้นเดือนมกราคม 2550 ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)และเปลี่ยนมาเป็นการจ่ายค่าสัมปทานให้ทีโอทีแทน อย่างครบถ้วนโดยตลอด และเห็นว่าการนำส่งภาษีและเงินปันผลนั้นควรจะให้เรื่องกระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้นไปก่อน
“ไม่ว่าสถาบันด้านการตรวจสอบบัญชีใดทั้งไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็ต่างมีความเห็นตรงกันว่ารายได้จำนวน 14,000 ล้านบาท ไม่ควรจะบันทึกรับรู้ว่าเป็นรายได้ ดังนั้นก็ต้องยุติธรรมกับทีโอทีด้วยว่ายังไม่มีรายได้ ขณะที่ทางกสท.ซึ่งมีหน้าที่ในการไล่บี้เงินจากเอกชนมาให้ทีโอทีในฐานะคู่สัญญาก็ไมทำตามเอ็มโอยูที่ตกลงกันไว้ ก็มีผลให้ผลการดำเนินงานของทีโอทีมีรายได้ลดลง” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่บอร์ดตัดสินใจนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์เอกชน ดังนั้นหากบอร์ดชุดนี้ไม่นำเข้าสู่กระบวนการศาล และมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ ดังนั้นการเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมจะดีที่สุด แม้ว่าการนำส่งรายได้อาจจะล่าช้าไปบ้าง
“นอกจากเรื่องนี้แล้วบอร์ดยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์กับเอกชนต่าง ๆ ที่จะต้องสะสางไว้เป็นสมุดปกขาว เพื่อนำเสนอต่อบอร์ดชุดใหม่ให้สะสางต่อ เนื่องจากการที่ขั้วการเมืองกำลังจะเปลี่ยน หากมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดแล้วอาจมีผลต่อการสะสางงานต่อได้ ซึ่งสมุดปกขาวดังกล่าวจะมีการแจกจ่ายต่อสาธารณะชนด้วย เพื่อให้มีการติดตามการทำงานของทีทีต่อไป”แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น