สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเตรียมยื่นสมุดปกขาวให้รวม.คลังคนใหม่ทันทีหลังจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย หวังยกระดับตลาดทุนในฐานะเสาหลักทางเศรษฐกิจ โอดที่ผ่านมายื่นมาแล้ว 4 รอบยังไม่ได้รับความเห็นชอบในหลักการ ขณะที่เตรียมศึกษาแปลงสภาพองค์กรเป็นนิติบุคคล เหตุที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายรองรับทำไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมทำงานได้เต็มที่
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) กล่าวว่า คณะกรรมการได้หารือกันเพื่อวางแนวทางในการผลักดันยกระดับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเป็นองค์กรนิติบุคคลที่รองรับด้านกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมาการเสนอตัวแทนจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษาหรือพิจารณาในหลายๆเรื่องของสภานิติบัญญัติ (สนช.) ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่ได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
ทั้งนี้ กระบวนการในเรื่องดังกล่าวตลท.รับเป็นเจ้าภาพในการศึกษาหารูปแบบในการจัดตั้งซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าหากจะต้องให้มีการรับรองทางกฎหมายอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะในการดำเนินการ ขณะที่โครงสร้างกรรมการภาพใต้การจัดองค์กรให้เป็นนิติบุคคล ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปแต่อย่างไรก็ตามกรรมการจะเป็นตัวแทนจากสมาคมที่ร่วมจัดตั้งองค์กร
"เราแปลงสภาพสภาฯมาเป็นนิติบุคคลไม่ได้ต้องการที่จะหาเงิน แต่ต้องการให้สามารถมีบทบาทในการศึกษารวมถึงกำหนดกรอบกฎหมายในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องได้"นางภัทรียา
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า หากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยสามารถขึ้นเป็นองค์กรนิติบุคคลที่มีกฎหมายรองรับได้เหมือน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทย จะทำให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบทบาทของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะถูกดึงเข้ามาร่วมในการทำงานเพียงเฉพาะกิจเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนจากนี้เชื่อว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงองค์กรประมาณ 5 ปีเพราะจะต้องมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา
สำหรับการหารือเพื่อนำเสนอรูปแบบในการจัดตั้งองค์กร ตลท.ในฐานะเลขาฯสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทางกระทรวงการคลัง เพื่อให้เห็นชอบในหลักการร่วมกันก่อนจะมีการเสนอร่างกฎหมายเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นายกัมปนาท กล่าวอีกว่า คณะกรรมการได้มีการหารือกับตลท.เกี่ยวกับการยื่นสมุดปกขาวซึ่งได้มีการจัดทำในช่วงสมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยื่นให้รัฐมนตรีการคลังแล้วถึง 4 ครั้งแต่ยังไม่ได้ความเห็นชอบในหลักการโดยในครั้งนี้หากรัฐบาลใหม่สามารถจัดตั้งได้เรียบร้อยก็จะยื่นสมุดปกขาวให้อีกครั้ง
ทั้งนี้ เนื้อหาในสมุดปกขาวได้มีการแก้ไขข้อมูลทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการผลักดันและพัฒนาตลาดทุนตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ซึ่งต้องการให้มีการเพิ่มบทบาทตลาดทุนไทยในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มสินค้าและเพิ่มจำนวนนักลงทุนให้ระบบ
"เคยมีการยื่นสมุดปกขาวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับการพิจารณาเลย การยื่นใหม่ในครั้งนี้ก็จะเป็นฉบับแก้ไข ใหม่ โดยถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จก็จะมีการยื่นหนังสือทันที "นายกัปนาทกล่าว
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) กล่าวว่า คณะกรรมการได้หารือกันเพื่อวางแนวทางในการผลักดันยกระดับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเป็นองค์กรนิติบุคคลที่รองรับด้านกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมาการเสนอตัวแทนจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษาหรือพิจารณาในหลายๆเรื่องของสภานิติบัญญัติ (สนช.) ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่ได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
ทั้งนี้ กระบวนการในเรื่องดังกล่าวตลท.รับเป็นเจ้าภาพในการศึกษาหารูปแบบในการจัดตั้งซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าหากจะต้องให้มีการรับรองทางกฎหมายอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะในการดำเนินการ ขณะที่โครงสร้างกรรมการภาพใต้การจัดองค์กรให้เป็นนิติบุคคล ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปแต่อย่างไรก็ตามกรรมการจะเป็นตัวแทนจากสมาคมที่ร่วมจัดตั้งองค์กร
"เราแปลงสภาพสภาฯมาเป็นนิติบุคคลไม่ได้ต้องการที่จะหาเงิน แต่ต้องการให้สามารถมีบทบาทในการศึกษารวมถึงกำหนดกรอบกฎหมายในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องได้"นางภัทรียา
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า หากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยสามารถขึ้นเป็นองค์กรนิติบุคคลที่มีกฎหมายรองรับได้เหมือน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทย จะทำให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบทบาทของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะถูกดึงเข้ามาร่วมในการทำงานเพียงเฉพาะกิจเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนจากนี้เชื่อว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงองค์กรประมาณ 5 ปีเพราะจะต้องมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา
สำหรับการหารือเพื่อนำเสนอรูปแบบในการจัดตั้งองค์กร ตลท.ในฐานะเลขาฯสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทางกระทรวงการคลัง เพื่อให้เห็นชอบในหลักการร่วมกันก่อนจะมีการเสนอร่างกฎหมายเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นายกัมปนาท กล่าวอีกว่า คณะกรรมการได้มีการหารือกับตลท.เกี่ยวกับการยื่นสมุดปกขาวซึ่งได้มีการจัดทำในช่วงสมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยื่นให้รัฐมนตรีการคลังแล้วถึง 4 ครั้งแต่ยังไม่ได้ความเห็นชอบในหลักการโดยในครั้งนี้หากรัฐบาลใหม่สามารถจัดตั้งได้เรียบร้อยก็จะยื่นสมุดปกขาวให้อีกครั้ง
ทั้งนี้ เนื้อหาในสมุดปกขาวได้มีการแก้ไขข้อมูลทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการผลักดันและพัฒนาตลาดทุนตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ซึ่งต้องการให้มีการเพิ่มบทบาทตลาดทุนไทยในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มสินค้าและเพิ่มจำนวนนักลงทุนให้ระบบ
"เคยมีการยื่นสมุดปกขาวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับการพิจารณาเลย การยื่นใหม่ในครั้งนี้ก็จะเป็นฉบับแก้ไข ใหม่ โดยถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จก็จะมีการยื่นหนังสือทันที "นายกัปนาทกล่าว