“ยามเฝ้าแผ่นดิน” เย้ย พปช.หมดท่าส่งตัวตลก อย่าง “เชาวริน”เดินเกมลดความน่าเชื่อถือ“ชัยยะ” ยัน กกต.พิจารณาคดีซื้อเสียงตามหลักฐาน ไม่ได้ดูว่าใครรู้จักกับใคร ติงไอซีทีไม่จัดการเว็บไฮ-ทักษิณ จงใจบิดเบือนทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ “แม้ว”
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 11 ม.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่"สวนดุสิตโพล" เปิดเผยผลการสำรวจพบเยาวชนเมินนักการเมือง และต้องการทำงานสังคมตอบแทนชาติ ว่า วันนี้ผู้ใหญ่กำลังทำให้การเมืองดูน่ากลัว เชื่อว่าเด็กๆ ที่มองการเมืองแล้วรู้สึกว่าไม่อยากยุ่งกับการเมือง ก็เพราะผู้ใหญ่วันนี้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มอบคำขวัญว่า"สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม" ใครจะรู้ได้บ้างว่าเด็กบางทีอาจจะมองอนาคตของนายกรัฐมนตรีในอนาคต ในสิ่งที่เขาเห็นมันเหมือนคำขวัญเป็นอย่างไร
"ใครจะไปรู้ว่าคำขวัญวันเด็กแห่งชาติในอนาคตอาจจะเป็น เด็กชาติไทยเป็นปลาไหลใส่สเกต จริงคือเท็จ เท็จคือจริง อิงตระบัดสัตย์ อกตัญญูเชิดชูอุดมกิน หรือ เด็กไทยต้องสุภาพ สารภาพเรื่องเมถุน รู้บุญคุณนอมินี มีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญเฮงซวย ต้องกล้าด่าสื่อ ไอ้พวกโง่ พวกโพล ว่างี่เง้า ใครจะรู้ว่าวันเด็ก เด็กอาจจะบอกอย่างนี้ก็ได้"
ส่วนการที่โพลบอกว่าเยาวชนต้องการทำงานสังคมเพื่อตอบแทนชาตินั้น มันสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ฝันอยากเห็นสังคมดีขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดสังคมที่ดีจะเกิดขึ้น ในเมื่อสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำในวันนี้มันดูจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เยาวชนของชาติได้คาดหวังเอาไว้
จากนั้นผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องร้องต่อศาล ให้วินิจฉัยการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ว่า เชื่อว่าประเด็นที่พูดถึง กกต.เป็นข่าวที่พลาดไม่ได้ มันเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้บ้านเมืองมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ การเมืองที่เดินอย่างที่เราเห็นภาพในปัจจุบัน และเดินต่อไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจับขั้วรัฐบาลสำเร็จ สอง คือการก่อตั้งรัฐบาลที่ผ่านกระบวนการทั้งหมด จนกระทั่งแนวโน้มเป็นพรรคพลังประชาชนเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล อีกภาพหนึ่งเป็นมิติที่ยังไม่ได้เห็น คือการยุบพรรคพลังประชาชน ด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ คดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่อาจจะลามไปทั้งเขตและพรรคหรือไม่
นอกจากนี้นี้ยังมีคดีวีซีดีที่นายวีระ สมความคิดยื่นร้องต่อ กกต. เรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายสมชัย จึงประเสริฐ หรือแม้กระทั่งกรณีที่พิสูจน์มาแล้วในศาลฎีกา ในเรื่องของนายสุทธิชัย โควสุรัตน์ ที่มีการปลอมลายเซ็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน หากศาลพิพากษาออกมา มีสิทธิยุบพรรคหรือไม่ นี่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคพลังประชาชน
**เย้ย“พลังแม้ว”ส่งตัวตลกโกโบรินดิสเครดิต “ชัยยะ”
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน นำหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างพล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ที่จะบอกว่าพล.ต.ต.ชัยยะไม่มีความเป็นกลางในการทำคดีทุจริตซื้อเสียง ว่า พรรคพลังประชาชนน่าจะให้คนอื่นมาทำเรื่องนี้ เพราะการเอา ร.ต.ท.เชาวรินมาเคลื่อนไหวทำให้ประชาชนรู้สึกตลกขบขันเป็นอย่างมาก เพราะ ร.ต.ท.เชาวรินเคยไปขุดหาสมบัติที่ถ้ำลิเจียแล้วอ้างว่าพบพันธบัตรสหรัฐฯจำนวนมาศาล จน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลงเชื่อบินไปดู ซึ่งภายหลังปรากฏว่า เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น นอกจากนี้ ร.ต.ท.เชาวรินยังเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีเรื่องการแอบอ้างสำนักพระราชวังทำจตุคามรามเทพ
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พล.ต.ต.ชัยยะมีความใกล้ชิดกับนายสนธิ เพราะนายสนธิรู้จักตำรวจมากมาย เพราะเคยเป็นอาจารย์สอนตำรวจหลายรุ่น แต่ที่สำคัญ การพิจารณาของ กกต.นั้นจะดูที่พยานหลักฐาน ไม่ได้ดูว่าใครเคยรู้จักใคร ไม่เช่นนั้นใครที่เคยทำงานกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือทำงานกับ กกต.ชุดเก่า ก็ต้องโละออกให้หมด
**อัด ไฮ-ทักษิณไม่กล้าสู้หน้า
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งคำถามกับกระทรวงไอซีทีที่ยังไม่ดำเนินการกับเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ซึ่งล่าสุดทำให้เกิดความเข้าใจผิดกรณีการขอตัวลูกสาวของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ไปเป็นหน้าห้องพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หมิ่นประมาทแต่เฉพาะนางสดศรีเพียงคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ ที่ถูกหมิ่นประมาท รวมทั้งการเขียนบทความเรื่อง “ก้อนกรวดในรองพระบาท” กล่าวหาให้ร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สำหรับคนเขียนบทความในเว็บดังกล่าวที่ชื่อนายประดาบนั้น เป็นคนที่ไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้าผู้คน จึงใช้แค่นามปากากาในการเขียนถึงคนอื่นด้วยข้อมูลที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง ให้หลักฐานเพียงเสี้ยวเดียว เพื่อทำลายคนที่อยู่ตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าแน่จริง ทำไมไม่เอาเรื่องอื่นๆ มาพูดบ้าง เช่น ภรรยาของ กกต.ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ ทำงานในกระทรวงส่าธารณสุขก็มีความใกล้ชิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เว็บไซต์ดังกล่าว จึงเป็นเพียงเว็บไซต์โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่สื่อสารมวลชน เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเอาชัยชนะ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ในช่วงท้าย ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงวันครบรอบ 31 ปี หนังสือพิมพ์มติชนเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ปรากฏภาพของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัทมติชนฯ ในพิธีมอบเข็มกลัดทองคำให้กับพนักงานมติชนด้วย ซึ่งไม่ทราบว่านายไพบูลย์ไปนั่งในฐานะอะไร แต่ได้สร้างความรู้สึกที่เจ็บปวดให้กับพนักงานมติชนที่เคยร่วมกันต่อสู้ไม่ให้แกรรมี่เทคโอเวอร์มติชนเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นอย่างมาก
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 11 ม.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่"สวนดุสิตโพล" เปิดเผยผลการสำรวจพบเยาวชนเมินนักการเมือง และต้องการทำงานสังคมตอบแทนชาติ ว่า วันนี้ผู้ใหญ่กำลังทำให้การเมืองดูน่ากลัว เชื่อว่าเด็กๆ ที่มองการเมืองแล้วรู้สึกว่าไม่อยากยุ่งกับการเมือง ก็เพราะผู้ใหญ่วันนี้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มอบคำขวัญว่า"สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม" ใครจะรู้ได้บ้างว่าเด็กบางทีอาจจะมองอนาคตของนายกรัฐมนตรีในอนาคต ในสิ่งที่เขาเห็นมันเหมือนคำขวัญเป็นอย่างไร
"ใครจะไปรู้ว่าคำขวัญวันเด็กแห่งชาติในอนาคตอาจจะเป็น เด็กชาติไทยเป็นปลาไหลใส่สเกต จริงคือเท็จ เท็จคือจริง อิงตระบัดสัตย์ อกตัญญูเชิดชูอุดมกิน หรือ เด็กไทยต้องสุภาพ สารภาพเรื่องเมถุน รู้บุญคุณนอมินี มีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญเฮงซวย ต้องกล้าด่าสื่อ ไอ้พวกโง่ พวกโพล ว่างี่เง้า ใครจะรู้ว่าวันเด็ก เด็กอาจจะบอกอย่างนี้ก็ได้"
ส่วนการที่โพลบอกว่าเยาวชนต้องการทำงานสังคมเพื่อตอบแทนชาตินั้น มันสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ฝันอยากเห็นสังคมดีขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดสังคมที่ดีจะเกิดขึ้น ในเมื่อสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำในวันนี้มันดูจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เยาวชนของชาติได้คาดหวังเอาไว้
จากนั้นผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องร้องต่อศาล ให้วินิจฉัยการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ว่า เชื่อว่าประเด็นที่พูดถึง กกต.เป็นข่าวที่พลาดไม่ได้ มันเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้บ้านเมืองมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ การเมืองที่เดินอย่างที่เราเห็นภาพในปัจจุบัน และเดินต่อไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจับขั้วรัฐบาลสำเร็จ สอง คือการก่อตั้งรัฐบาลที่ผ่านกระบวนการทั้งหมด จนกระทั่งแนวโน้มเป็นพรรคพลังประชาชนเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล อีกภาพหนึ่งเป็นมิติที่ยังไม่ได้เห็น คือการยุบพรรคพลังประชาชน ด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ คดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่อาจจะลามไปทั้งเขตและพรรคหรือไม่
นอกจากนี้นี้ยังมีคดีวีซีดีที่นายวีระ สมความคิดยื่นร้องต่อ กกต. เรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายสมชัย จึงประเสริฐ หรือแม้กระทั่งกรณีที่พิสูจน์มาแล้วในศาลฎีกา ในเรื่องของนายสุทธิชัย โควสุรัตน์ ที่มีการปลอมลายเซ็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน หากศาลพิพากษาออกมา มีสิทธิยุบพรรคหรือไม่ นี่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคพลังประชาชน
**เย้ย“พลังแม้ว”ส่งตัวตลกโกโบรินดิสเครดิต “ชัยยะ”
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน นำหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างพล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ที่จะบอกว่าพล.ต.ต.ชัยยะไม่มีความเป็นกลางในการทำคดีทุจริตซื้อเสียง ว่า พรรคพลังประชาชนน่าจะให้คนอื่นมาทำเรื่องนี้ เพราะการเอา ร.ต.ท.เชาวรินมาเคลื่อนไหวทำให้ประชาชนรู้สึกตลกขบขันเป็นอย่างมาก เพราะ ร.ต.ท.เชาวรินเคยไปขุดหาสมบัติที่ถ้ำลิเจียแล้วอ้างว่าพบพันธบัตรสหรัฐฯจำนวนมาศาล จน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลงเชื่อบินไปดู ซึ่งภายหลังปรากฏว่า เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น นอกจากนี้ ร.ต.ท.เชาวรินยังเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีเรื่องการแอบอ้างสำนักพระราชวังทำจตุคามรามเทพ
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พล.ต.ต.ชัยยะมีความใกล้ชิดกับนายสนธิ เพราะนายสนธิรู้จักตำรวจมากมาย เพราะเคยเป็นอาจารย์สอนตำรวจหลายรุ่น แต่ที่สำคัญ การพิจารณาของ กกต.นั้นจะดูที่พยานหลักฐาน ไม่ได้ดูว่าใครเคยรู้จักใคร ไม่เช่นนั้นใครที่เคยทำงานกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือทำงานกับ กกต.ชุดเก่า ก็ต้องโละออกให้หมด
**อัด ไฮ-ทักษิณไม่กล้าสู้หน้า
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งคำถามกับกระทรวงไอซีทีที่ยังไม่ดำเนินการกับเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ซึ่งล่าสุดทำให้เกิดความเข้าใจผิดกรณีการขอตัวลูกสาวของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ไปเป็นหน้าห้องพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หมิ่นประมาทแต่เฉพาะนางสดศรีเพียงคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ ที่ถูกหมิ่นประมาท รวมทั้งการเขียนบทความเรื่อง “ก้อนกรวดในรองพระบาท” กล่าวหาให้ร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สำหรับคนเขียนบทความในเว็บดังกล่าวที่ชื่อนายประดาบนั้น เป็นคนที่ไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้าผู้คน จึงใช้แค่นามปากากาในการเขียนถึงคนอื่นด้วยข้อมูลที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง ให้หลักฐานเพียงเสี้ยวเดียว เพื่อทำลายคนที่อยู่ตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าแน่จริง ทำไมไม่เอาเรื่องอื่นๆ มาพูดบ้าง เช่น ภรรยาของ กกต.ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ ทำงานในกระทรวงส่าธารณสุขก็มีความใกล้ชิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เว็บไซต์ดังกล่าว จึงเป็นเพียงเว็บไซต์โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่สื่อสารมวลชน เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเอาชัยชนะ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ในช่วงท้าย ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงวันครบรอบ 31 ปี หนังสือพิมพ์มติชนเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ปรากฏภาพของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัทมติชนฯ ในพิธีมอบเข็มกลัดทองคำให้กับพนักงานมติชนด้วย ซึ่งไม่ทราบว่านายไพบูลย์ไปนั่งในฐานะอะไร แต่ได้สร้างความรู้สึกที่เจ็บปวดให้กับพนักงานมติชนที่เคยร่วมกันต่อสู้ไม่ให้แกรรมี่เทคโอเวอร์มติชนเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นอย่างมาก