ผู้จัดการรายวัน - “อิมเมจิ้น” ปรับโพซิชั่นนิ่งเป็นโฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ ขายทั้งสินค้าเพลงครบทุกค่าย-หนังครบทุกแนว ล่าสุดผนึก “เทสโก้ โลตัส” เปิดโซนโฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมผุด “คีออส” ให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอลคอนเทนต์ มั่นใจสิ้นปีนี้กวาดรายได้ทะลุ 500 ล้านบาท
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล ผู้บริหารร้านอิมเมจิ้น ในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโพซิชั่นนิ่งของร้านอิมเมจิ้นใหม่เป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งภาพยนตร์และดนตรีโดยไม่จำกัดค่ายหรือสังกัด จากเดิมเป็นเพียงเอ้าท์เลทที่เน้นจัดจำหน่ายเฉพาะเพลง ถือเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นิยมซื้อของในโมเดิร์นเทรด และแบบวันสต๊อปชอปปิ้งซื้อของหลายสิ่งได้ในจุดเดียว
ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเทสโก้ โลตัสในประเทศไทย ให้เข้าไปบริหารจัดการโซน โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งอยู่ในบริเวณเซลล์ แอเรียของเทสโก้ โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าเพลงครบทุกค่าย และภาพยนตร์ครบทุกแนว รวมทั้งเพื่อให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอล คอนเทนต์ (ออฟไลน์) โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ร้านอิมเมจิ้นเป็นโฮม เอนเตอร์เทนมนท์ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
โดยใช้งบลงทุนประมาณ 80-100 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาเทคโนโลยีตลอดจนเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบและเพื่อตกแต่งร้านทั้ง 85 สาขาทั่วประเทศ โดยภายในร้านแบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนแรกจัดจำหน่ายสินค้าเพลงครบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นซีดี วีซีดี ดีวีดี ฯลฯ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และโซนสองเป็นคีออสให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอลคอนเทนต์ ณ จุดขาย (ออฟไลน์) แบ่งคอนเทนต์ตามเซกเมนต์ เช่น เพลงรัก เพลงอกหัก เพลงเหงา เพลงฮิตเรียงตามอักษรรายชื่อศิลปิน ฯลฯ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่มีข้อจำกัดในการดาวน์โหลดเพลงออฟไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเริ่มให้บริการประมาณปลายเดือนตุลาคม 2551
นายยงศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันคนนิยมชอปปิ้งในโมเดิร์นเทรดมากกว่า ไม่ใช่ซื้อตามร้านแผงลอยเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การที่อิมเมจิ้นจับมือกับเทสโก้ โลตัส จึงเท่ากับเป็นการจับมือกับ Strategic Partner เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยไม่ต้องเปิดสาขาเอง นอกจากนั้น การมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง โดยมีการบันทึกยอดขายอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถกู้สถานการณ์การขายและการตลาดได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งลดความเสี่ยงด้านสต็อคด้วย ขณะที่โซนของคีออส ดาวน์โหลด ณ จุดขาย เพื่อให้ความสะดวกกับผู้บริโภคกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมบริโภค ดิจิตอล มิวสิคมากที่สุด เพราะจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมเพลง เพราะดิจิตอล มิวสิคต้นทุนต่ำกว่า และมีความเสี่ยงน้อยกว่าด้วย
“เรามองหาช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและโอกาสทางการสูงตลอดเวลา เพื่อนำสินค้าไปเสนอขายถูกที่ ถูกเวลา และถูกกลุ่มเป้าหมาย เพราะการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยกันไม่ให้ผู้บริโภคซื้อของปลอม เพราะสามารถหาซื้อของถูกลิขสิทธิ์ได้ง่ายและสะดวก” นายยงศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่าสิ้นปีนี้อิมเมจิ้นจะมีรายได้ 500 ล้านบาทจากยอดขาย 153 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 300 ล้านบาท จากยอดขาย 62 สาขา และในปี 2552 จะมีรายได้ 700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 35% เนื่องจากอิมเมจิ้นวางโพซิชั่นนิ่งเป็นวัน สต็อป เซอร์วิส โฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคเข้ามาเลือกซื้อสินค้าบันเทิงได้ครบแห่งเดียว รวมทั้งบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจค้าปลีกมานาน ทำให้มีความเชี่ยวชาญทางการตลาดสูง ทำให้ได้เปรียบกว่าร้านค้าปลีกรายอื่นๆ
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล ผู้บริหารร้านอิมเมจิ้น ในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโพซิชั่นนิ่งของร้านอิมเมจิ้นใหม่เป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งภาพยนตร์และดนตรีโดยไม่จำกัดค่ายหรือสังกัด จากเดิมเป็นเพียงเอ้าท์เลทที่เน้นจัดจำหน่ายเฉพาะเพลง ถือเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นิยมซื้อของในโมเดิร์นเทรด และแบบวันสต๊อปชอปปิ้งซื้อของหลายสิ่งได้ในจุดเดียว
ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเทสโก้ โลตัสในประเทศไทย ให้เข้าไปบริหารจัดการโซน โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งอยู่ในบริเวณเซลล์ แอเรียของเทสโก้ โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าเพลงครบทุกค่าย และภาพยนตร์ครบทุกแนว รวมทั้งเพื่อให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอล คอนเทนต์ (ออฟไลน์) โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ร้านอิมเมจิ้นเป็นโฮม เอนเตอร์เทนมนท์ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
โดยใช้งบลงทุนประมาณ 80-100 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาเทคโนโลยีตลอดจนเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบและเพื่อตกแต่งร้านทั้ง 85 สาขาทั่วประเทศ โดยภายในร้านแบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนแรกจัดจำหน่ายสินค้าเพลงครบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นซีดี วีซีดี ดีวีดี ฯลฯ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และโซนสองเป็นคีออสให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอลคอนเทนต์ ณ จุดขาย (ออฟไลน์) แบ่งคอนเทนต์ตามเซกเมนต์ เช่น เพลงรัก เพลงอกหัก เพลงเหงา เพลงฮิตเรียงตามอักษรรายชื่อศิลปิน ฯลฯ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่มีข้อจำกัดในการดาวน์โหลดเพลงออฟไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเริ่มให้บริการประมาณปลายเดือนตุลาคม 2551
นายยงศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันคนนิยมชอปปิ้งในโมเดิร์นเทรดมากกว่า ไม่ใช่ซื้อตามร้านแผงลอยเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การที่อิมเมจิ้นจับมือกับเทสโก้ โลตัส จึงเท่ากับเป็นการจับมือกับ Strategic Partner เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยไม่ต้องเปิดสาขาเอง นอกจากนั้น การมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง โดยมีการบันทึกยอดขายอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถกู้สถานการณ์การขายและการตลาดได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งลดความเสี่ยงด้านสต็อคด้วย ขณะที่โซนของคีออส ดาวน์โหลด ณ จุดขาย เพื่อให้ความสะดวกกับผู้บริโภคกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมบริโภค ดิจิตอล มิวสิคมากที่สุด เพราะจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมเพลง เพราะดิจิตอล มิวสิคต้นทุนต่ำกว่า และมีความเสี่ยงน้อยกว่าด้วย
“เรามองหาช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและโอกาสทางการสูงตลอดเวลา เพื่อนำสินค้าไปเสนอขายถูกที่ ถูกเวลา และถูกกลุ่มเป้าหมาย เพราะการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยกันไม่ให้ผู้บริโภคซื้อของปลอม เพราะสามารถหาซื้อของถูกลิขสิทธิ์ได้ง่ายและสะดวก” นายยงศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่าสิ้นปีนี้อิมเมจิ้นจะมีรายได้ 500 ล้านบาทจากยอดขาย 153 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 300 ล้านบาท จากยอดขาย 62 สาขา และในปี 2552 จะมีรายได้ 700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 35% เนื่องจากอิมเมจิ้นวางโพซิชั่นนิ่งเป็นวัน สต็อป เซอร์วิส โฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคเข้ามาเลือกซื้อสินค้าบันเทิงได้ครบแห่งเดียว รวมทั้งบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจค้าปลีกมานาน ทำให้มีความเชี่ยวชาญทางการตลาดสูง ทำให้ได้เปรียบกว่าร้านค้าปลีกรายอื่นๆ