เอเอฟพี - รัฐมนตรีพาณิชย์แดนอินทรีชี้ สหรัฐฯกำลังสูญเสียอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเอเชีย และต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างหนักหน่วงจากจีนและสหภาพยุโรป โดยส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯลดลงในเขตเศรษฐกิจเอเชีย 27 เขต ตั้งแต่ปี1990
การ์โลส กูเตียร์เรซ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวในเวทีเสวนาของสถาบันเศรษฐกิจเกาหลี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพฤหัสบดี(10) ว่า อิทธิพลของสหรัฐฯในเอเชียตะวันออกกำลังถูกท้าทาย ขณะที่การส่งออกของสหรัฐฯต้องเจอกับแรงผลักจากชาติที่มีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่า
กูเตียร์เรซกล่าวว่าในบรรดาเขตเศรษฐกิจเอเชียที่สหรัฐฯได้สำรวจ จำนวน 34 เขตเศรฐกิจนั้น ส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯได้ลดลงใน 27 เขตเศรษฐกิจเอเชีย ตั้งแต่ปี1990 ทั้งนี้ กูเตียร์เรซไม่ได้ระบุชื่อประเทศหรือผู้ที่พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จีนกำลังผงาดขึ้นเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในเอเชีย อีกทั้งยังแซงหน้าสหรัฐฯขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และใกล้จะอยู่ในฐานะทัดเทียมกับสหรัฐฯ ในการดำเนินการค้ากับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะเดียวกัน ชาติยุโรปก็เดินหน้าเจรจาหารือเพื่อผลักดันข้อตกลงการค้าเสรีกับชาติในเอเชีย
กูเตียร์เรซกล่าวว่าสหรัฐฯต้องเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเอเชีย และต้องทำลายกำแพงที่กีดกันการส่งออกของสหรัฐฯ อีกทั้งเตือนว่า หากรัฐบาลวอชิงตันไม่สามารถผลักดันให้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มีผลเริ่มดำเนินการได้ สหรัฐฯก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในเอเชีย
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯพยายามผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติข้อตกลงเอฟทีเอที่รัฐบาลได้ลงนามกับเกาหลีใต้ไว้แล้ว อย่างไรก็ดี ส.ส.ส.ว.จำนวนมากคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวโดยอ้างว่าเกาหลีใต้ไม่ยอมเปิดเสรีอย่างเต็มที่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ อีกทั้งยังไม่ผ่อนปรนข้อจำกัดในการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ
ณ ตอนนี้ เกาหลีใต้กำลังเจรจาทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป(อียู) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯเตือนว่าหากสภาคองเกรสยังคงไม่อนุมัติข้อตกลงเอฟทีเอระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มอย่างมากที่เกาหลีใต้และอียูจะบรรลุข้อตกลงเอฟทีเอและประกาศใช้ก่อนหน้าที่เอฟทีเอสหรัฐฯ-เกาหลีใต้จะประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯกลายผู้ล้าหลังด้านการค้ากับเอเชีย แทนที่จะสามารถผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ
การ์โลส กูเตียร์เรซ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวในเวทีเสวนาของสถาบันเศรษฐกิจเกาหลี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพฤหัสบดี(10) ว่า อิทธิพลของสหรัฐฯในเอเชียตะวันออกกำลังถูกท้าทาย ขณะที่การส่งออกของสหรัฐฯต้องเจอกับแรงผลักจากชาติที่มีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่า
กูเตียร์เรซกล่าวว่าในบรรดาเขตเศรษฐกิจเอเชียที่สหรัฐฯได้สำรวจ จำนวน 34 เขตเศรฐกิจนั้น ส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯได้ลดลงใน 27 เขตเศรษฐกิจเอเชีย ตั้งแต่ปี1990 ทั้งนี้ กูเตียร์เรซไม่ได้ระบุชื่อประเทศหรือผู้ที่พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จีนกำลังผงาดขึ้นเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในเอเชีย อีกทั้งยังแซงหน้าสหรัฐฯขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และใกล้จะอยู่ในฐานะทัดเทียมกับสหรัฐฯ ในการดำเนินการค้ากับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะเดียวกัน ชาติยุโรปก็เดินหน้าเจรจาหารือเพื่อผลักดันข้อตกลงการค้าเสรีกับชาติในเอเชีย
กูเตียร์เรซกล่าวว่าสหรัฐฯต้องเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเอเชีย และต้องทำลายกำแพงที่กีดกันการส่งออกของสหรัฐฯ อีกทั้งเตือนว่า หากรัฐบาลวอชิงตันไม่สามารถผลักดันให้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มีผลเริ่มดำเนินการได้ สหรัฐฯก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในเอเชีย
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯพยายามผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติข้อตกลงเอฟทีเอที่รัฐบาลได้ลงนามกับเกาหลีใต้ไว้แล้ว อย่างไรก็ดี ส.ส.ส.ว.จำนวนมากคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวโดยอ้างว่าเกาหลีใต้ไม่ยอมเปิดเสรีอย่างเต็มที่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ อีกทั้งยังไม่ผ่อนปรนข้อจำกัดในการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ
ณ ตอนนี้ เกาหลีใต้กำลังเจรจาทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป(อียู) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯเตือนว่าหากสภาคองเกรสยังคงไม่อนุมัติข้อตกลงเอฟทีเอระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มอย่างมากที่เกาหลีใต้และอียูจะบรรลุข้อตกลงเอฟทีเอและประกาศใช้ก่อนหน้าที่เอฟทีเอสหรัฐฯ-เกาหลีใต้จะประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯกลายผู้ล้าหลังด้านการค้ากับเอเชีย แทนที่จะสามารถผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ