ผู้จัดการรายวัน – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน 7 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาพระเกียรติยศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
วานนี้ (9 ม.ค.) เวลา 17.02 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน 7 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาพระเกียรติยศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลอง ทหารกองเกียรติยศพระศพความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย ทรงวางพวงมาลา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนา และสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบพระ 4 รูปสวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เตียงพระสวดพระอภิธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ
สถาปนาพระเกียรติยศ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ"
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระอนุสรณ์ถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พุทธศักราช 2551 ว่า เป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ที่ทรงเคารพนับถือ ในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณมาแต่หนหลัง อีกทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย เป็นที่ประจักษ์แก่ตาแก่ใจของมหาชนทั่วไป เมื่อเสด็จสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้พระองค์และประชาชนทุกชนชั้นอาลัย ระลึกถึงพระคุณเป็นอันมาก
ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระองค์นั้น ทรงพระเกียรติคุณ เป็นที่เชิดชูแห่งพระราชวงศ์ ควรได้รับพระเกียรติยศใหญ่ยิ่ง โดยอนุโลมตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานจัดเศวตฉัตร 7 ชั้น กางกั้นพระโกศพระราชทาน เป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติยศให้ปรากฏสืบไป
ประกาศ ณ วันที่ 9 มกราคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน
ทูต และผู้แทนกษัตริย์ต่างชาติร่วมไว้อาลัย “พระพี่นางฯ”
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายความอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัาพี่นางเธอฯ วานนี้ (9 ม.ค.) สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะได้ตั้งแต่เวลา 07.50 น. ซึ่งมีบุคคลสำคัญประชาชน นักเรียน นักศึกษา เดินทางมาลงนามถวายความอาลัยตลอดทั้งวัน
ช่วงสาย นายซัน วาโตเล เพนนักคีโอ ผู้แทนพระสันตปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 แห่ง นครรัฐวาติกัน ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัย และเผยว่าตลอดมาพระองค์ท่านทรงงานหนักมาโดยตลอด โดยเฉพาะในการสร้างนักดนตรีคลาสสิกรุ่นใหม่ ทรงมีพระคุณต่อคนไทยอย่างมาก
หลังจากนั้น นางวอลเทราด์ สตีนเบริก ภริยาของ นายไมเคิล สตีนเบริก เอกอัครราชทูตประเทศเดนมาร์กประจำประเทศไทย ก็ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัยเช่นกัน
ช่วงบ่าย นายฮวน มานูเอล โลเปซ นาดาล เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรสเปน เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญพวงมาลาของสมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอส ที่ 1 สมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่งราชอาณาจักรสเปน มาแสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
ผู้บริหารเซ็นทรัล นำพนักงานร่วมลงนาม
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล และครอบครัว นำทีมของผู้บริหารและพนักงานกว่า 100 คน มาร่วมลงนามถวายความอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
พร้อมกล่าวว่า บริษัทจะสานต่อโครงการในพระองค์ต่อไป โดยในปี พ.ศ. 2551 จะทำโครงการบริจาคโลหิตจำนวน 8,400,000 ซีซี ตามตัวเลขของพระชนมายุ
7 องค์กรสื่อเข้าร่วมไว้อาลัยพระพี่นางฯ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.40 น.คณะตัวแทนจากสมาคมสื่อมวลชนต่างๆ 7 สมาคม ได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งแประเทศไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งนำทีมโดย นายสุวัฒน์ ทองธนากุล เดินทางไปร่วมลงนามถวายความอาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า พระพระจริยวัตรขององค์ท่านที่มีต่อวงการศึกษา และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ทำให้ในฐานะสื่อมวลชนจะต้องตระหนักและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติจริงๆ รวมถึงสังคมโลกด้วย เราต้องทำข้อมูลและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน เพื่อเป็นการร่วมถวายความจงรักภักดี
นร.จาก สอวน.เผยมีรับสั่งให้ “ให้นำความรู้ ไปพัฒนาสังคม”
วันเดียวกันคณะนักเรียนที่ไปร่วมแข่งขันอินเตอน์เนชั่นแนลจูเนี่ยไซน์แอนด์โอลิมปิค 2007 (สอวน) จำนวน 6 คน ของมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิควิชาการ และพัฒนาวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัย
เด็กชายวรพันธ์ พุทธศักดา อายุ 14 ปี นักเรียนจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในฐานะตัวแทนของเพื่อนๆ กล่าวว่า ส่วนตัวถึงแม้ไม่เคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านฯ แต่พระองค์เคยเลยมีรับสั่งผ่านอาจารย์มาว่า "ให้นำความรูมาช่วยเหลือสังคม" และจากการที่ได้เห็นพระกรณียกิจที่ทรงมีพระกรุณาในการช่วยเหลือด้านการศึกษา และวิชาการ ตนจะตั้งใจศึกษาให้บรรลุเป้าหมายและนำความรู้มาพัฒนาสังคมต่อไป
บัวแก้วสรุปยอดสาส์น แสดงความอาลัย รวม 52 ฉบับ
ในช่วงบ่าย (9 ม.ค.) นายธกฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้สรุปสถานะการส่งพระราชสาส์น สาส์น และสารแสดงความเสียใจจากต่างประเทศ ต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่าขณะนี้ มียอดจำนวน 52 ฉบับ จาก 39 ประเทศ
สรุปยอดลงนาม 7 วันทะลุแสนคน
สรุปยอดลงนามถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง วานนี้ หลังจากปิดให้ลงนามในเวลา 17.00 น. มียอดลงนาม 21,972 คน พวงมาลา 61 พวง รวม 7 วัน มียอดลงนามทั้งสิ้น 141,207 คน และมี ยอดเงินทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยวานนี้ 503,914.75 บาท รวม 7วัน มียอดเงินทั้งสิ้น 2,786,989.75 บาท
และสำหรับวันนี้ (10 ม.ค.) ศาลาสหทัยสมาคม จะเปิดให้ประชาชนถวายสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เวลา 07.00 - 12.00 น.เท่านั้น จากนั้นเวลา 14.00 -16.00 น. สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และในวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
โดยประชาชนที่เข้าสักการะจะมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังแนะนำการปฏิบัติตัวบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ จะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยที่สุด
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดทำภาพพระโกศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สำหรับแจกประชาชนที่เข้ามากราบพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เช่นเดียวกับการแจกภาพพระบรมโกศให้กับประชาชนที่เข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
สมเด็จพระเทพฯ ให้ใช้ไม้จันทน์ล้มขอน
วานนี้ (9 ม.ค.) นอ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ในฐานะหัวหน้าคณะออกแบบพระเมรุกล่าวว่าพระโกศไม้จันทน์ที่จะใช้ในพระราชพิธีพระราชทานพระเพลิงพระศพ ทางกรมป่าไม้ได้นำไม้จันทน์ที่ล้มขอนคือ ไม้ที่ตายแล้วจาก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระดำริว่าหากเป็นไปได้ พระองค์จะโปรดให้ใช้ไม้ที่ล้มแล้วไม่จำเป็นต้องโค่นไม้ต้น จากนั้นทางสำนักช่างสิบหมู่จะนำมาฉลุลวดลายแกะสลักเป็นพระโกศ
ทั้งนี้ การดำเนินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างพระเมรุ การบูรณะราชรถ และการสร้างพระโกศ จะใช้เวลาดำเนินการ 5-6 เดือน เพราะทั้งหมดเป็นงานประณีตศิลป์ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและอาศัยระยะเวลาในการทำพอสมควร
ช่างสิบหมู่พร้อมเต็มที่
นายธนชัย สุวรรณวัฒนะ ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ช่างสิบหมู่ เตรียมความพร้อมในการบูรณะซ่อมแซมพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย และยานมาศสามลำคานแล้ว โดยสำนักช่างสิบหมู่จะรับผิดชอบในส่วนการตกแต่งลวดลายทั้งพระโกศ พระเมรุ รวมทั้งการฉลุและแกะสลักโครงสร้างไม้จันทน์เพื่อใช้ในการทำลวดลายในทางประณีตศิลป์ ซึ่งขณะนี้สำนักช่างสิบหมู่มีความพร้อมในการดำเนินการและเตรียมอัตรากำลังกว่า 190 คนในการซ่อมแซมราชรถและจัดสร้างพระเมรุ
ทั้งนี้ ในส่วนที่สำนักช่างสิบหมู่จะดำเนินการซ่อมแซมได้ทันทีคือการทำธงสามชายหน้าพระมหาพิชัยราชรถ และการทำผ้าลายทองแผ่ลวดประกอบส่วนต่างๆ โดยช่างบางส่วนจะคัดเลือกช่างฝีมือดีจากที่สำนักช่างสิบหมู่ได้จัดอบรมให้กับบุคคลภายนอกที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ด้วย
สรรพาวุธตรวจสภาพเพลา ล้อ คานหาม
พ.อ.มังกร ว่านเครือ ทหารกรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า ในส่วนของกรรมสรรพาวุธได้มาตรวจความพร้อมที่ต้องรับผิดชอบการเคลื่อนขบวนพระศพ และขับเคลื่อนราชรถ ในเบื้องต้นจะต้องมีการตรวจสอบความแข็งแรงของราชรถทั้งหมด ทั้งเพลา ล้อ คานหาม โดยได้เตรียมช่างฝีมือของกรมสรรพาวะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากร ซึ่งจากสภาพทั่วไปในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย และยานมาศสามลำคานยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งอาจจะต้องมีการหยอดน้ำมันในส่วนของการขับเคลื่อน และตกแต่งความสวยงามในส่วนอื่นๆ เท่านั้น
สวช. แจกหนังสือ 8 หมื่นเล่ม
นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(กวช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.)ได้จัดพิธีบำเพ็ญพระกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยมีคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธาน รวมทั้งได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับงานศิลปะ และด้านดนตรี ที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9 ม.ค.- 11 เม.ย. 51 ซึ่งประชาชนที่มาเข้าชมนิทรรศการจะได้รับหนังสือ “กัลยาณิวัฒนา คารวาลัย องค์อุปถัมภ์ สืบสาน ศิลปวัฒนธรรมไทย”เป็นที่ระลึก โดย สวช.ได้จัดพิมพ์ 80,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายแก่ห้องสมุด และจะมอบให้แก่ สำนักพระราชวัง แจกประชาชนที่มาสักการะพระศพต่อไป
พอ.สว.เชียงรายเตรียมออกหน่วย
วานนี้ (9 ม.ค.) นพ.สุรินทร์ สุมนาพันธุ์ นายแพทย์ระดับ 9 งานเวชกรรมป้องกัน ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงราย จะนำสมาชิกมูลนิธิแพทย์ พอ.สว.เชียงราย จากหน่วยงานต่าง ๆ รวม 18 อำเภอ ประมาณ 100 คน ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ให้บริการประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล สืบสานพระปณิธาณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯครั้งยังพระชนม์ชีพอยู่
โดยจะมีการออกหน่วยทั้งหมด 9 ครั้ง 10 จุด เริ่มดำเนินการในช่วง 100 วันที่มีการไว้ความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระพี่นางฯ ในพื้นที่บ้านห้วยปอ หมู่ 17 ต.ปอ อ.เวียงแก่น, บ้านห้วยแก้ว หมู่ 8 ต.ห้วยชมพู อ.เมืองเชียงราย, บ้านแผ่นดินทอง หมู่ 12 ต.ตับเต่า อ.เทิง, บ้านห้วยหยวกป่าโซ หมู่ 9 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง, บ้านหล่อโย หมู่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน, บ้านแม่ตะละ หมู่ 7 ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า, บ้านเวียงหมอก หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ, บ้านผาวี หมู่ 8 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน, บ้านแม่ต๋ำน้อย หมู่ 24 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย
การออกปฏิบัติงานครั้งนี้เพื่อร่วมแสดงความอาลัยถวายและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯที่ได้ทรงบุกเบิกโครงการ พอ.สว.เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรชาวเชียงราย ในพื้นที่ห่างไกลได้มีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด
พสกนิกรพิจิตรร่วมทำบุญ 7 วันถวาย
ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร บึงสีไฟ อ.เมืองพิจิตร นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้นำพสกนิกรชาวพิจิตรทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีทำบุญบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในโอกาสครบ 7 วันต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ทั้งนี้ จ.พิจิตร ได้จัดพิธีทำบุญถวายพระกุศลแด่พระองค์ ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร แห่งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ม.ค.เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เคยเสด็จเมื่อวันที่ 4 มี.ค.30 พร้อมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพิธีเปิดสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สวนทั่วประเทศที่มีอยู่ ณ ขณะนี้
ผู้ว่าฯ ชลบุรีนำพสกนิกรทำบุญ 7 วัน
เช้าวันเดียวกันที่ จ.ชลบุรี ที่ศาลาภักดีแผ่นดิน หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานนำหัวหน้าหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้าประชาชน พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 84 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ยังได้ทอดผ้าบังสุกุลแด่พระสงฆ์ 10 รูป และพระสงฆ์สดับปกรณ์อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติเพื่อถวายสักการะแด่พระองค์ท่าน ได้เสียสละทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทย มาตลอดพระชนม์ชีพ
"นางงามเช็ก" ร่วมถวายความไว้อาลัย
ที่สวนนงนุช พัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับเกียรติจากกองประกวดนางงาม Miss Czech 2008 คัดเลือกให้เป็นสถานที่เก็บตัวและทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของผู้เข้าประกวดรอบสุดท้าย 12 คนก่อนที่จะมีการประกวดตัดสินรอบสุดท้ายในวันที่ 2 ก.พ.51 ที่สาธารณรัฐเช็ก การเดินทางเข้ามาประเทศไทย ณ สวนนงนุช เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) ทางคณะผู้เข้าประกวด และคณะนางงาม ได้ทราบข่าวถึงการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระพี่นางเธอฯ และทราบว่าสวนนงนุช ได้จัดโต๊ะหมู่ตั้งพระฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องทองน้อยบูชาร่วมแสดงความอาลัยถวายฯ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างใหญ่หลวงนานัปการ ณ หน้าอาคารวัตถุโบราณ จึงได้ขอให้คณะกองถ่ายและผู้เข้าประกวดทั้งหมด 30 คน เข้าร่วมลงนามแสดงความอาลัยถวายฯ ร่วมกับคนไทยทุกคนด้วย
อบจ.ภูเก็ตทำบุญตักบาตรพระ 84 รูป
ที่ จ.ภูเก็ต ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต นำโดยนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายก อบจ.ภูเก็ต พร้อมสมาชิก อบจ. ข้าราชการ พนักงาน อบจ.ภูเก็ต ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนบ้านตลาดเหนือ โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต โรงเรียนบ้านไม้เรียบ พร้อมใจกันทำบุญตักบาตรพร้อมกันแด่พระสงฆ์ 84 รูปเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในโอกาสวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 7 วัน
นางอัญชลี กล่าวว่า ผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิก ข้าราชการ ผู้บริหารโรงเรียน นักเรียน คณะครู ผู้ปกครองทั้ง 3 แห่งรวมทั้งประชาชนทั่วไปต่างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทยให้มีความสุขกันถ้วนหน้ามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาที่พระองค์ท่านถือเป็นนักการศึกษาผู้เสียสละและสร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งพระปณิธานของพระองค์ท่านควรได้รับการสานต่อเป็นอย่างยิ่ง
"ลุงพิการ"ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ จ.สุรินทร์ นายบุญส่ง นาคเกี้ยว อายุ 67 ปี พิการเดินไม่ได้ ชาวบ้านก็วล ต.ราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งน้ำตาแห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสด็จเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดาร พร้อมนำคณะแพทย์ พอ.สว.มารักษาราษฎรที่โรงเรียนบ้านราม ต.ราม อ.เมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.43 นั้นเป็นวันที่ตนไม่เคยลืมเพราะปลาบปลื้มใจและเป็นสิริมงคลกับชีวิตตนมาก
ทั้งนี้ แม้ว่าตนร่างกายจะพิการแต่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จพระองค์และพระองค์ท่านได้ตรัสถามถึงอาการป่วย ซึ่งตนยังจำได้จนถึงทุกวันนี้พร้อมกันนี้ยังได้รับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์ พอ.สว.ที่ตามเสด็จพระองค์ด้วย ในวันนั้นจำได้ไม่ลืมพระองค์ทรงถามอาการป่วย ซึ่งตนก็ตอบว่า ป่วยมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว
"ช่วงที่พระองค์ท่านทรงประชวรได้ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องและตั้งจิตภาวนาให้พระองค์ทรงหายเป็นปกติโดยเร็ว แต่มาทราบว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ขอให้พระองค์ไปอยู่ในที่สูงสุด"นายบุญส่ง กล่าว
วานนี้ (9 ม.ค.) เวลา 17.02 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน 7 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาพระเกียรติยศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลอง ทหารกองเกียรติยศพระศพความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย ทรงวางพวงมาลา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนา และสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบพระ 4 รูปสวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เตียงพระสวดพระอภิธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ
สถาปนาพระเกียรติยศ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ"
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระอนุสรณ์ถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พุทธศักราช 2551 ว่า เป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ที่ทรงเคารพนับถือ ในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณมาแต่หนหลัง อีกทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย เป็นที่ประจักษ์แก่ตาแก่ใจของมหาชนทั่วไป เมื่อเสด็จสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้พระองค์และประชาชนทุกชนชั้นอาลัย ระลึกถึงพระคุณเป็นอันมาก
ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระองค์นั้น ทรงพระเกียรติคุณ เป็นที่เชิดชูแห่งพระราชวงศ์ ควรได้รับพระเกียรติยศใหญ่ยิ่ง โดยอนุโลมตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานจัดเศวตฉัตร 7 ชั้น กางกั้นพระโกศพระราชทาน เป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติยศให้ปรากฏสืบไป
ประกาศ ณ วันที่ 9 มกราคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน
ทูต และผู้แทนกษัตริย์ต่างชาติร่วมไว้อาลัย “พระพี่นางฯ”
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายความอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัาพี่นางเธอฯ วานนี้ (9 ม.ค.) สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะได้ตั้งแต่เวลา 07.50 น. ซึ่งมีบุคคลสำคัญประชาชน นักเรียน นักศึกษา เดินทางมาลงนามถวายความอาลัยตลอดทั้งวัน
ช่วงสาย นายซัน วาโตเล เพนนักคีโอ ผู้แทนพระสันตปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 แห่ง นครรัฐวาติกัน ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัย และเผยว่าตลอดมาพระองค์ท่านทรงงานหนักมาโดยตลอด โดยเฉพาะในการสร้างนักดนตรีคลาสสิกรุ่นใหม่ ทรงมีพระคุณต่อคนไทยอย่างมาก
หลังจากนั้น นางวอลเทราด์ สตีนเบริก ภริยาของ นายไมเคิล สตีนเบริก เอกอัครราชทูตประเทศเดนมาร์กประจำประเทศไทย ก็ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัยเช่นกัน
ช่วงบ่าย นายฮวน มานูเอล โลเปซ นาดาล เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรสเปน เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญพวงมาลาของสมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอส ที่ 1 สมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่งราชอาณาจักรสเปน มาแสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
ผู้บริหารเซ็นทรัล นำพนักงานร่วมลงนาม
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล และครอบครัว นำทีมของผู้บริหารและพนักงานกว่า 100 คน มาร่วมลงนามถวายความอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
พร้อมกล่าวว่า บริษัทจะสานต่อโครงการในพระองค์ต่อไป โดยในปี พ.ศ. 2551 จะทำโครงการบริจาคโลหิตจำนวน 8,400,000 ซีซี ตามตัวเลขของพระชนมายุ
7 องค์กรสื่อเข้าร่วมไว้อาลัยพระพี่นางฯ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.40 น.คณะตัวแทนจากสมาคมสื่อมวลชนต่างๆ 7 สมาคม ได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งแประเทศไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งนำทีมโดย นายสุวัฒน์ ทองธนากุล เดินทางไปร่วมลงนามถวายความอาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า พระพระจริยวัตรขององค์ท่านที่มีต่อวงการศึกษา และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ทำให้ในฐานะสื่อมวลชนจะต้องตระหนักและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติจริงๆ รวมถึงสังคมโลกด้วย เราต้องทำข้อมูลและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน เพื่อเป็นการร่วมถวายความจงรักภักดี
นร.จาก สอวน.เผยมีรับสั่งให้ “ให้นำความรู้ ไปพัฒนาสังคม”
วันเดียวกันคณะนักเรียนที่ไปร่วมแข่งขันอินเตอน์เนชั่นแนลจูเนี่ยไซน์แอนด์โอลิมปิค 2007 (สอวน) จำนวน 6 คน ของมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิควิชาการ และพัฒนาวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัย
เด็กชายวรพันธ์ พุทธศักดา อายุ 14 ปี นักเรียนจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในฐานะตัวแทนของเพื่อนๆ กล่าวว่า ส่วนตัวถึงแม้ไม่เคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านฯ แต่พระองค์เคยเลยมีรับสั่งผ่านอาจารย์มาว่า "ให้นำความรูมาช่วยเหลือสังคม" และจากการที่ได้เห็นพระกรณียกิจที่ทรงมีพระกรุณาในการช่วยเหลือด้านการศึกษา และวิชาการ ตนจะตั้งใจศึกษาให้บรรลุเป้าหมายและนำความรู้มาพัฒนาสังคมต่อไป
บัวแก้วสรุปยอดสาส์น แสดงความอาลัย รวม 52 ฉบับ
ในช่วงบ่าย (9 ม.ค.) นายธกฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้สรุปสถานะการส่งพระราชสาส์น สาส์น และสารแสดงความเสียใจจากต่างประเทศ ต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่าขณะนี้ มียอดจำนวน 52 ฉบับ จาก 39 ประเทศ
สรุปยอดลงนาม 7 วันทะลุแสนคน
สรุปยอดลงนามถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง วานนี้ หลังจากปิดให้ลงนามในเวลา 17.00 น. มียอดลงนาม 21,972 คน พวงมาลา 61 พวง รวม 7 วัน มียอดลงนามทั้งสิ้น 141,207 คน และมี ยอดเงินทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยวานนี้ 503,914.75 บาท รวม 7วัน มียอดเงินทั้งสิ้น 2,786,989.75 บาท
และสำหรับวันนี้ (10 ม.ค.) ศาลาสหทัยสมาคม จะเปิดให้ประชาชนถวายสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เวลา 07.00 - 12.00 น.เท่านั้น จากนั้นเวลา 14.00 -16.00 น. สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และในวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
โดยประชาชนที่เข้าสักการะจะมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังแนะนำการปฏิบัติตัวบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ จะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยที่สุด
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดทำภาพพระโกศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สำหรับแจกประชาชนที่เข้ามากราบพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เช่นเดียวกับการแจกภาพพระบรมโกศให้กับประชาชนที่เข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
สมเด็จพระเทพฯ ให้ใช้ไม้จันทน์ล้มขอน
วานนี้ (9 ม.ค.) นอ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ในฐานะหัวหน้าคณะออกแบบพระเมรุกล่าวว่าพระโกศไม้จันทน์ที่จะใช้ในพระราชพิธีพระราชทานพระเพลิงพระศพ ทางกรมป่าไม้ได้นำไม้จันทน์ที่ล้มขอนคือ ไม้ที่ตายแล้วจาก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระดำริว่าหากเป็นไปได้ พระองค์จะโปรดให้ใช้ไม้ที่ล้มแล้วไม่จำเป็นต้องโค่นไม้ต้น จากนั้นทางสำนักช่างสิบหมู่จะนำมาฉลุลวดลายแกะสลักเป็นพระโกศ
ทั้งนี้ การดำเนินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างพระเมรุ การบูรณะราชรถ และการสร้างพระโกศ จะใช้เวลาดำเนินการ 5-6 เดือน เพราะทั้งหมดเป็นงานประณีตศิลป์ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและอาศัยระยะเวลาในการทำพอสมควร
ช่างสิบหมู่พร้อมเต็มที่
นายธนชัย สุวรรณวัฒนะ ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ช่างสิบหมู่ เตรียมความพร้อมในการบูรณะซ่อมแซมพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย และยานมาศสามลำคานแล้ว โดยสำนักช่างสิบหมู่จะรับผิดชอบในส่วนการตกแต่งลวดลายทั้งพระโกศ พระเมรุ รวมทั้งการฉลุและแกะสลักโครงสร้างไม้จันทน์เพื่อใช้ในการทำลวดลายในทางประณีตศิลป์ ซึ่งขณะนี้สำนักช่างสิบหมู่มีความพร้อมในการดำเนินการและเตรียมอัตรากำลังกว่า 190 คนในการซ่อมแซมราชรถและจัดสร้างพระเมรุ
ทั้งนี้ ในส่วนที่สำนักช่างสิบหมู่จะดำเนินการซ่อมแซมได้ทันทีคือการทำธงสามชายหน้าพระมหาพิชัยราชรถ และการทำผ้าลายทองแผ่ลวดประกอบส่วนต่างๆ โดยช่างบางส่วนจะคัดเลือกช่างฝีมือดีจากที่สำนักช่างสิบหมู่ได้จัดอบรมให้กับบุคคลภายนอกที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ด้วย
สรรพาวุธตรวจสภาพเพลา ล้อ คานหาม
พ.อ.มังกร ว่านเครือ ทหารกรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า ในส่วนของกรรมสรรพาวุธได้มาตรวจความพร้อมที่ต้องรับผิดชอบการเคลื่อนขบวนพระศพ และขับเคลื่อนราชรถ ในเบื้องต้นจะต้องมีการตรวจสอบความแข็งแรงของราชรถทั้งหมด ทั้งเพลา ล้อ คานหาม โดยได้เตรียมช่างฝีมือของกรมสรรพาวะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากร ซึ่งจากสภาพทั่วไปในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย และยานมาศสามลำคานยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งอาจจะต้องมีการหยอดน้ำมันในส่วนของการขับเคลื่อน และตกแต่งความสวยงามในส่วนอื่นๆ เท่านั้น
สวช. แจกหนังสือ 8 หมื่นเล่ม
นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(กวช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.)ได้จัดพิธีบำเพ็ญพระกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยมีคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธาน รวมทั้งได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับงานศิลปะ และด้านดนตรี ที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9 ม.ค.- 11 เม.ย. 51 ซึ่งประชาชนที่มาเข้าชมนิทรรศการจะได้รับหนังสือ “กัลยาณิวัฒนา คารวาลัย องค์อุปถัมภ์ สืบสาน ศิลปวัฒนธรรมไทย”เป็นที่ระลึก โดย สวช.ได้จัดพิมพ์ 80,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายแก่ห้องสมุด และจะมอบให้แก่ สำนักพระราชวัง แจกประชาชนที่มาสักการะพระศพต่อไป
พอ.สว.เชียงรายเตรียมออกหน่วย
วานนี้ (9 ม.ค.) นพ.สุรินทร์ สุมนาพันธุ์ นายแพทย์ระดับ 9 งานเวชกรรมป้องกัน ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงราย จะนำสมาชิกมูลนิธิแพทย์ พอ.สว.เชียงราย จากหน่วยงานต่าง ๆ รวม 18 อำเภอ ประมาณ 100 คน ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ให้บริการประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล สืบสานพระปณิธาณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯครั้งยังพระชนม์ชีพอยู่
โดยจะมีการออกหน่วยทั้งหมด 9 ครั้ง 10 จุด เริ่มดำเนินการในช่วง 100 วันที่มีการไว้ความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระพี่นางฯ ในพื้นที่บ้านห้วยปอ หมู่ 17 ต.ปอ อ.เวียงแก่น, บ้านห้วยแก้ว หมู่ 8 ต.ห้วยชมพู อ.เมืองเชียงราย, บ้านแผ่นดินทอง หมู่ 12 ต.ตับเต่า อ.เทิง, บ้านห้วยหยวกป่าโซ หมู่ 9 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง, บ้านหล่อโย หมู่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน, บ้านแม่ตะละ หมู่ 7 ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า, บ้านเวียงหมอก หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ, บ้านผาวี หมู่ 8 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน, บ้านแม่ต๋ำน้อย หมู่ 24 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย
การออกปฏิบัติงานครั้งนี้เพื่อร่วมแสดงความอาลัยถวายและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯที่ได้ทรงบุกเบิกโครงการ พอ.สว.เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรชาวเชียงราย ในพื้นที่ห่างไกลได้มีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด
พสกนิกรพิจิตรร่วมทำบุญ 7 วันถวาย
ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร บึงสีไฟ อ.เมืองพิจิตร นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้นำพสกนิกรชาวพิจิตรทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีทำบุญบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในโอกาสครบ 7 วันต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ทั้งนี้ จ.พิจิตร ได้จัดพิธีทำบุญถวายพระกุศลแด่พระองค์ ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร แห่งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ม.ค.เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เคยเสด็จเมื่อวันที่ 4 มี.ค.30 พร้อมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพิธีเปิดสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สวนทั่วประเทศที่มีอยู่ ณ ขณะนี้
ผู้ว่าฯ ชลบุรีนำพสกนิกรทำบุญ 7 วัน
เช้าวันเดียวกันที่ จ.ชลบุรี ที่ศาลาภักดีแผ่นดิน หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานนำหัวหน้าหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้าประชาชน พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 84 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ยังได้ทอดผ้าบังสุกุลแด่พระสงฆ์ 10 รูป และพระสงฆ์สดับปกรณ์อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติเพื่อถวายสักการะแด่พระองค์ท่าน ได้เสียสละทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทย มาตลอดพระชนม์ชีพ
"นางงามเช็ก" ร่วมถวายความไว้อาลัย
ที่สวนนงนุช พัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับเกียรติจากกองประกวดนางงาม Miss Czech 2008 คัดเลือกให้เป็นสถานที่เก็บตัวและทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของผู้เข้าประกวดรอบสุดท้าย 12 คนก่อนที่จะมีการประกวดตัดสินรอบสุดท้ายในวันที่ 2 ก.พ.51 ที่สาธารณรัฐเช็ก การเดินทางเข้ามาประเทศไทย ณ สวนนงนุช เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) ทางคณะผู้เข้าประกวด และคณะนางงาม ได้ทราบข่าวถึงการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระพี่นางเธอฯ และทราบว่าสวนนงนุช ได้จัดโต๊ะหมู่ตั้งพระฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องทองน้อยบูชาร่วมแสดงความอาลัยถวายฯ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างใหญ่หลวงนานัปการ ณ หน้าอาคารวัตถุโบราณ จึงได้ขอให้คณะกองถ่ายและผู้เข้าประกวดทั้งหมด 30 คน เข้าร่วมลงนามแสดงความอาลัยถวายฯ ร่วมกับคนไทยทุกคนด้วย
อบจ.ภูเก็ตทำบุญตักบาตรพระ 84 รูป
ที่ จ.ภูเก็ต ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต นำโดยนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายก อบจ.ภูเก็ต พร้อมสมาชิก อบจ. ข้าราชการ พนักงาน อบจ.ภูเก็ต ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนบ้านตลาดเหนือ โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต โรงเรียนบ้านไม้เรียบ พร้อมใจกันทำบุญตักบาตรพร้อมกันแด่พระสงฆ์ 84 รูปเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในโอกาสวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 7 วัน
นางอัญชลี กล่าวว่า ผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ต สมาชิก ข้าราชการ ผู้บริหารโรงเรียน นักเรียน คณะครู ผู้ปกครองทั้ง 3 แห่งรวมทั้งประชาชนทั่วไปต่างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทยให้มีความสุขกันถ้วนหน้ามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาที่พระองค์ท่านถือเป็นนักการศึกษาผู้เสียสละและสร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งพระปณิธานของพระองค์ท่านควรได้รับการสานต่อเป็นอย่างยิ่ง
"ลุงพิการ"ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ จ.สุรินทร์ นายบุญส่ง นาคเกี้ยว อายุ 67 ปี พิการเดินไม่ได้ ชาวบ้านก็วล ต.ราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งน้ำตาแห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสด็จเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดาร พร้อมนำคณะแพทย์ พอ.สว.มารักษาราษฎรที่โรงเรียนบ้านราม ต.ราม อ.เมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.43 นั้นเป็นวันที่ตนไม่เคยลืมเพราะปลาบปลื้มใจและเป็นสิริมงคลกับชีวิตตนมาก
ทั้งนี้ แม้ว่าตนร่างกายจะพิการแต่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จพระองค์และพระองค์ท่านได้ตรัสถามถึงอาการป่วย ซึ่งตนยังจำได้จนถึงทุกวันนี้พร้อมกันนี้ยังได้รับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์ พอ.สว.ที่ตามเสด็จพระองค์ด้วย ในวันนั้นจำได้ไม่ลืมพระองค์ทรงถามอาการป่วย ซึ่งตนก็ตอบว่า ป่วยมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว
"ช่วงที่พระองค์ท่านทรงประชวรได้ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องและตั้งจิตภาวนาให้พระองค์ทรงหายเป็นปกติโดยเร็ว แต่มาทราบว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ขอให้พระองค์ไปอยู่ในที่สูงสุด"นายบุญส่ง กล่าว