xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทันตลาดทุน :แนวโน้มตลาดหุ้นปี 2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับ...ทุกท่าน ก่อนอื่นคงต้องขอสวัสดีปีใหม่กับแฟน ๆ คอลัมน์ของผมทุกท่าน ผมขอให้ปี 2551 เป็นปีที่ดีของทุกๆท่าน ขอให้มีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง และที่สำคัญ ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างที่ตั้งเป้าหมายกันไว้

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2551 คงต้องเรียนว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว เพราะเปิดตลาดฯมาเพียง 2 วัน ดัชนีฯก็ลดลงไปแล้วกว่า 30 จุด ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังตั้งตัวไม่ทันด้วยซ้ำ ผมขอสรุปภาพของตลาดหุ้นไทยในปี 2551 แบบสั้นๆง่ายๆว่า " ปี 2551 ยังคงเป็นปีของความผันผวนสูง" โดยผมคาดว่าดัชนีฯจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 750-1000 จุด โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมเฉลี่ยอยู่ประมาณ 880-930 จุด

หากจะให้หยิบยกปัจจัยที่ผมคาดว่าจะมีผลกดดันในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด 3 อันดับ อันดับที่ 1 ผมยกให้ประเด็นเรื่อง ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย (Recession fear) เพราะจะมีผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างมากในปี 2551 นอกจากปัจจัยซับไพร์มที่มีอยู่เดิมแล้ว ผมคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะทำให้ตลาดหุ้นมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะถดถอยมากน้อยแค่ไหน

อันดับ 2 ได้แก่ ปัจจัยเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2551 แต่คาดว่ารัฐบาลจะพอรับมือได้ อันดับ 3 ได้แก่ ความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้แน่ หากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถสร้างศัทธาให้กับประชาชนได้

สำหรับปัจจัยบวกเช่นเดียวกัน 3 อันดับที่ผมยกให้ คืออันดับที่ 1 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้วในรอบ 13 เดือน คาดว่าจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น อันดับที่ 2 การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯประมาณเดือน พ.ย.2551 จากสถิติมักจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งยอมส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน อันดับที่ 3 เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไปประมาณ 7 หมื่นล้านบาทในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี 2550 ทั้งนี้จะเกิดขึ้นได้แน่นอนหากตลาดการเงินของโลกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

กลยุทธ์การลงทุนปี 2551 ผมแนะนำให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด และ แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมในช่วงครึ่งปีแรกไปก่อน หากสถานการณ์ต่างๆดีขึ้นในครึ่งปีหลังค่อยกลับมาใช้กลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์ที่อนุรักษ์นิยมได้แก่

1) ลงทุนในหุ้น Defensive ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม

2) ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ธุรกิจมั่นคงมีหนี้สินน้อย ได้แก่ ADVANC LH DELTA BEC

3) ซื้อหุ้นปันผลสูง

สำหรับนักลงทุนที่ชอบเสี่ยงกับความผันผวนของราคาหุ้น ผมแนะนำ หุ้นที่เกี่ยวข้องการการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ได้แก่ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง โดยหุ้นที่ผมคิดว่าโดดเด่น ได้แก่ KBANK BAY QH CPN CK ITD หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้า Commodity ได้แก่ PTTEP PTTCH PTTAR TOP TTA BANPU
กำลังโหลดความคิดเห็น