xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 53 อาถรรพ์แห่งเลขศาสตร์ (ตอน 1)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

ความยิ่งใหญ่ของรถทรงทศกัณฐ์ตามพระราชนิพนธ์นั้นสุดจะพรรณนานัก เห็นได้ว่ายากที่จะแต่งต่อให้กลมกลืนกับความยิ่งใหญ่ตามที่ได้ทรงเริ่มไว้ แต่ในที่สุดสุนทรภู่เอกรัตนกวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้ต่อกลอนพระราชนิพนธ์ต่อไปว่า

นทีตีฟองนองระลอกกระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น
เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุนอานนท์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน
ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาทสุทธาวาทไหวหวั่นลั่นเลื่อน
บดบังสุริยันตะวันเดือนคลาเคลื่อนจตุรงค์ตรงมา”

ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทอดพระเนตรบทกลอนที่สุนทรภู่แต่งต่อจากที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของรถทรงต้องด้วยพระราชประสงค์ก็ทรงพอพระทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ได้พ้นโทษ

ใครที่เคยอ่านหรือคุ้นกับหนังสือรามเกียรติ์และสังเกตเกี่ยวกับบทพรรณนาว่าด้วยความยิ่งใหญ่ใดๆ แล้วคงจะเห็นต้องพ้องกันว่าบทกลอนตอนที่ว่านี้ได้แสดงความยิ่งใหญ่อย่างมหัศจรรย์ ชนิดที่ไม่เคยมีกวีท่านใดเคยแต่งในทำนองนี้ไว้ก่อนเลย

ครั้งหนึ่งอาจารย์สอนภาษาไทยได้ให้ศิษย์แต่ละคนเสนอบทกลอนที่มีลักษณะสัมผัสที่เป็นพิเศษยิ่งกว่าบทกลอนทั่วไป ต่างคนต่างได้เสนอบทกลอนที่เห็นว่าต้องกับความประสงค์ของอาจารย์ ในครั้งนั้นผมได้รับคำชมเชยว่ามีความเข้าใจภาษาไทยได้ดีมาก เนื่องจากผมได้เสนอบทกลอนบทหนึ่งจากวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี เป็นตอนที่พระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพ ซึ่งได้แสดงให้เห็นความพลิกพลิ้วพิสดารของภาษาไทยที่มีสัมผัสรับส่งที่ลึกซึ้งงดงามสละสลวยยิ่งกว่าภาษาใดๆ ในโลก

บทกลอนตอนนี้มีความว่า

“วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่นคนขยั้นยืนขึงตะลึงหลง
ให้หวิววาบซาบทรวงต่างง่วงงงลืมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง
พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิตให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกที่จากรังคนข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย”


อาจารย์ได้สอบถามลองภูมิว่าเสียงปี่จะเป็นถ้อยคำได้อย่างไร เพราะเสียงปี่ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน คือมีแต่เสียงสูง เสียงกลาง และเสียงต่ำ หรือครึ่งเสียง จะเป็นเนื้อความไปได้อย่างไร

แต่เผอิญผมเคยอ่านหนังสือเรื่องไซฮั่นซึ่งเป็นวรรณคดีจีนเกี่ยวกับเหตุการณ์ ช่วงหลังเวลาการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นเรื่องที่พระเจ้าเล่าปังทำศึกสงครามมีชัยชนะต่อพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแล้วสถาปนาราชวงศ์ฮั่นที่ยาวนานกว่าสี่ร้อยปีของประวัติศาสตร์จีน

ในการศึกครั้งนั้นเป็นศึกครั้งสุดท้ายหลังจากที่พระเจ้าเล่าปังพ่ายแพ้แก่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องมาก่อนหน้าถึงเจ็ดครั้ง ต้องถอยเข้าไปตั้งหลักอยู่ในเมืองเสฉวน ครั้นพระเจ้าเล่าปังได้ยอดขุนพลบู๊บุ๋นคู่บารมี คือได้ฮั่นสินมาเป็นแม่ทัพบัญชาการทหาร ได้เตียวเหลียงมาเป็นกุนซือแล้ว ในการรบครั้งสุดท้ายนี้พระเจ้าเล่าปังตีกองทัพพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแตกพ่ายและถอยไปติดอยู่ริมแม่น้ำในท่ามกลางฤดูหนาว

คืนวันหนึ่งเตียวเหลียงได้เป่าปี่เป็นทำนองเพลงฌ้อเมืองทำให้ทหารของพระเจ้าฌ้อปาอ๋องคิดถึงบ้านแล้วหนีทัพไปเป็นอันมาก พระเจ้าฌ้อปาอ๋องสำคัญผิดคิดว่าการที่กองทัพของพระเจ้าเล่าปังบรรเลงเพลงปี่ด้วยทำนองเพลงของเมืองฌ้อเป็นเพราะทหารฌ้อแปรพักตร์ไปเข้าด้วยจึงเสียพระทัยและเชือดพระศอพระองค์เองสิ้นพระชนม์ ณ ริมแม่น้ำนั้น

เพลงปี่ของพระอภัยมณีได้พรรณนาเนื้อความเป็นอย่างเดียวกันกับเพลงปี่ของเตียวเหลียง ผมจึงรายงานอาจารย์ว่ากรณีเป็นเรื่องที่สุนทรภู่ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีเรื่องไซฮั่นของจีน ซึ่งเปรียบเทียบทำนองเพลงปี่เป็นเนื้อความเช่นนั้น ซึ่งทำให้อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นพอใจเป็นอันมาก

ความจริงภาษาไทยของเราเป็นภาษาเก่าแก่ดั้งเดิม เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาแต่อดีต มีวัฒนธรรม อารยธรรมและภาษาที่สูงส่งไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นแต่ว่าคนไทยเราไปหลงใหลในวัฒนธรรมของฝรั่งและกลัวฝรั่ง เพราะพวกนักเรียนไทยหัวนอกแต่เป็นพวกนอกคอก ไปติดยึดเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมของฝรั่งว่าเป็นเลิศในโลก เหนือกว่าวัฒนธรรมประเพณีของชาติตน จึงไม่ยกย่องเชิดชูความรู้ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษตัวเอง กลับหลงใหลนับถือภาษา วัฒนธรรม อารยธรรมของต่างชาติมาเป็นสรณะใหม่ จึงทำให้เกิดความผิดเพี้ยนในสังคมไทยดังที่เห็นๆ กันอยู่

ความรับรู้ที่ได้รับถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาลึกซึ้ง กว้างไกล และตรึงใจ แม้ถึงวันนี้ผมก็ยังระลึกได้และทรงจำหมายได้ถึงสิ่งที่ครูได้อบรมสั่งสอนมากกว่าที่จดจำได้จากการเรียนในที่อื่นๆ นี่แล้วคือแก้วมณีของความเป็นครูที่ประสิทธิ์ประสาธน์ให้อยู่คู่กายศิษย์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ผมใช้เวลาทบทวนและเร่งรัดในวิชาการทั้งหลายได้โดยง่าย และพร้อมเต็มที่ที่จะเข้าสู่สนามสอบ ครั้นเวลาสอบจริงมาถึงผมจึงเข้าสู่สนามสอบอย่างสบายๆ และด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถสอบผ่านได้อย่างแน่นอน

ผมสอบเสร็จแล้วรีบกลับไปบ้านเพื่อเยี่ยมเยียนบุพการีและผู้มีพระคุณทั้งหลายเหมือนที่เคยปฏิบัติมา แต่ลงไปบ้านคราวนี้ไปได้ไม่นานนักเพราะยังคงต้องเตรียมตัวสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังนั้นหลังจากไปเยี่ยมบ้านได้เพียงสิบกว่าวันพอเป็นที่คลายความระลึกถึงบุพการี ผู้มีพระคุณ และมิตรสหายแล้ว จึงต้องรีบเดินทางกลับมากรุงเทพฯ

ผมรีบไปซื้อหนังสือแนวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เคยมีการสอบมาแต่ก่อนหลายเล่มแล้วรีบลงมือค้นคว้าศึกษา โดยอาศัยประสบการณ์และแนวทางที่เคยสอบเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นหลัก เพราะมีความเชื่อเหมือนเดิมว่าการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยถึงจะออกข้อสอบอย่างไรก็จะต้องซ้ำกับข้อสอบเก่าๆ บ้าง และหากซ้ำเช่นนั้นก็จะไม่หนักแรงเท่าใดนัก

ผมดูแนวข้อสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบจะถึงสิบรอบ เพราะแต่ละวันผมไม่ทำการงานใดๆ ตั้งหน้ามุ่งมั่นให้แก่การเตรียมตัวสอบ ดูไปแล้วคล้ายๆ กับนักมวยที่ฝึกซ้อมจนพร้อมที่จะขึ้นเวทีทุกเมื่อนั่นเอง

ต่อมาเมื่อทราบผลการสอบชั้น ม.ศ.5 ว่าสอบผ่านแล้ว พอถึงกำหนดวัน สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมก็ไปสมัครสอบตามกำหนด

ในขณะนั้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งสอบแข่งขันไม่พร้อมกัน ผมสมัครสอบที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลือกคณะนิติศาสตร์เพียงลำดับเดียว แต่เผื่อเหลือเผื่อขาดจึงไปสมัครสอบที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไว้ด้วย แล้วเลือกคณะบัญชีเพียงคณะเดียวเหมือนกัน เพราะใจนั้นคิดเสี่ยงบุญวาสนาว่าสืบไปเมื่อหน้าจะมีอาชีพนักกฎหมายหรืออาชีพนักบัญชีก็สุดแต่ฟ้าดินจะกำหนดให้เป็นไป

ผมเข้าสนามสอบทั้งสองมหาวิทยาลัยอย่างสบายๆ โดยทำข้อสอบเสร็จและเดินออกจากห้องสอบแทบจะก่อนใคร.

โปรดติดตามตอนที่ 53 “อาถรรพ์แห่งเลขศาสตร์ ตอน 2” ในวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น