xs
xsm
sm
md
lg

ไทยเริ่มแล้ว! ดึง AI ป้องกันสมองเสื่อม ทำนายความเสี่ยง-ถอดรหัสกลไกโรคซึมเศร้าเยาวชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิจัยไทยเดินหน้านำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับนิวโรเทคโนโลยี ทำนายความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมเพื่อให้แพทย์หาแนวทางการจัดการหรือป้องกันได้ทันเวลา

สุดยอดโมเดลปัญญาประดิษฐ์นี้ทำงานโดยอาศัยการประเมินผลกระทบอย่างครอบคลุมจากชุดข้อมูลสัญญาณสมอง ผสานเข้ากับข้อมูลพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย

นักวิจัยมั่นใจว่าโมเดลไม่ได้จำกัดที่การดูแลผู้สูงอายุ แต่สามารถขยายผลไปสู่การถอดรหัสกลไกพัฒนาการของสมองของเยาวชนไทย และเป็นเครื่องมือต่อยอดเพื่อช่วยในเรื่องของสุขภาพจิต รวมถึงภาวะซึมเศร้าและโรคเครียดในคนทุกกลุ่มวัย

***ตอบโจทย์ New-S Curve

การดึง AI ป้องกันสมองเสื่อมนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “การบูรณาการนิวโรเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อมอย่างครบวงจร” หนึ่งในผลงานที่น่าจับตาของ ผศ. ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ จากศูนย์วิจัยและนวัตกรรมประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้คว้ารางวัล "นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2568" จากงาน Outstanding Technologist Awards & TechInno Forum 2025 ที่จัดโดยมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

การดึง AI ป้องกันสมองเสื่อมนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “การบูรณาการนิวโรเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อมอย่างครบวงจร”
TMA มองว่าประเทศไทยมี New-S Curve หรือธุรกิจดาวรุ่งที่มีโอกาสเติบโตสูงมากคือ Care Economy หรือสินค้าและบริการทุกด้านที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกายและใจ New-S Curve นี้สอดรับกับความท้าทายสำคัญของประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Silver Aging) ดังนั้นจึงมีการเชิดชูนักเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตและสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม

ผศ. ดร.ศิรวัจน์ ซึ่งมีดีกรีเป็นนักประสาทวิทยาการคำนวณ (computational neuroscientist) และมีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI ถอดรหัสกลไกการทำงานของสมอง กล่าวว่าแรงผลักดันที่นำไปสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้คือความตระหนักที่ว่า โรคทางสมองนั้นรักษาไม่ได้ แต่สามารถหาแนวทางการป้องกันได้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดหากทราบข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยได้มากที่สุด

นำไปสู่ความพยายามในการนำนิวโรเทคโนโลยี (Neurotechnology) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาบูรณาการเพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัยของไทย

***ไขความลับ ข้อมูลที่ใช้ในการเทรน AI สมอง

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการใช้ AI Model เพื่อให้เกิด early prediction หรือการทำนายความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่ภาวะสมองเสื่อมจะเข้าสู่ระยะรุนแรง หากสามารถตรวจจับความเสี่ยงได้เร็ว ก็จะสามารถจัดทำแผนการป้องกันตั้งแต่แรกเริ่ม

ผศ. ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ จากศูนย์วิจัยและนวัตกรรมประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้คว้ารางวัล นักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2568
ข้อมูลที่ถูกนำมาใช้ในการฝึกฝน AI เพื่อประเมินภาพรวมของสุขภาพสมองและความเสี่ยงของการเสื่อมของสมองประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ข้อมูลด้านพฤติกรรมและการใช้ชีวิต ครอบคลุมปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ เช่น การออกกำลังกาย การกินอาหารสุขภาพ และการนอนหลับ และ 2. สัญญาณสมอง ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บจากสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ คลินิก โรงพยาบาล และห้องแล็บวิจัย

AI จะทำหน้าที่ประเมินผลกระทบของปัจจัยเหล่านี้ต่อการเสื่อมของสมอง เพื่อนำไปสู่การสร้างแผนป้องกันเฉพาะบุคคล

วิสัยทัศน์ของ ผศ. ดร.ศิรวัจน์ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การป้องกัน แต่รวมถึงการต่อยอดทางเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างและสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment)

AI จะถูกนำมาใช้เพื่อให้แผนการรักษา หรือแผนการป้องกันนั้นมีความเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น ตัวอย่างที่น่าสนใจคือการศึกษาการใช้เทคโนโลยี neurostimulation หรือการกระตุ้นสมองด้วยสัญญาณไฟฟ้าอย่างอ่อน เพื่อดูว่าควรจะกระตุ้นสมองส่วนไหนถึงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและชะลอการทำงานของสมองในกลุ่มผู้ป่วยย่อย ที่มีลักษณะอาการแตกต่างกันไป

สัญญาณสมอง คือหนึ่งในข้อมูลที่ถูกนำมาใช้ในการฝึกฝน AI เพื่อประเมินภาพรวมของสุขภาพสมองและความเสี่ยงของการเสื่อมของสมอง
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาทั้งตัวแพลตฟอร์ม ที่ใช้ติดตามสุขภาพสมองและสุขภาพกายโดยรวม และมีการจับมือกับภาคเอกชน อาทิดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ (Aspent Tree) ซึ่งเป็นโครงการ Senior Living แบบ Luxury ของ MQDC Forester โดยทำงานวิจัยร่วมกับ Research Innovation Sustainability Center (RISC) เพื่อส่งเสริมและป้องกันการเสื่อมของสมองของผู้อยู่อาศัยในโครงการ

***แก้ปมสุขภาพจิต-โรคซึมเศร้า

ส่วนที่ 2 คือการขยายขอบเขตสู่เยาวชนและสุขภาพจิต เนื่องจากเครื่องมือและโมเดลที่พัฒนาขึ้นมาไม่ได้จำกัดอยู่แค่สังคมผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการนำไปช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องพัฒนาการของสมองของเยาวชนไทย โดยจะช่วยให้เข้าใจกลไกพัฒนาการของสมองอย่างลึกซึ้ง และดูว่าปัจจัยทางสังคม เช่น ฐานะครอบครัว หรือทัศนคติ ส่งผลต่อพัฒนาการของสมองอย่างไร เพื่อนำไปกำหนดนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาต่อยอดเครื่องมือเพื่อช่วยในเรื่องของสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและโรคเครียด ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญสำหรับคนทั่วไป คนทำงาน ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งเด็ก

ส่วนที่ 3 คือการผนึกกำลังในประเทศอาเซียน ผศ. ดร.ศิรวัจน์ ชี้ว่าความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเอเชียมีข้อมูลเชิงวิชาการด้านสุขภาพค่อนข้างมาก โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ การผนึกกำลังในอาเซียนจะช่วยพัฒนาและขายสิ่งเหล่านี้กลับไปยังฝั่งตะวันตกและยุโรปได้สำเร็จ ซึ่งจะเป็นการยกสถานะของนักวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคนี้

งานวิจัย AI ป้องกันสมองเสื่อม เป็นเพียง 1 ใน 3 ผลงานเด่นที่ TMA ร่วมกับพันธมิตร นำมาขึ้นเวทีปี 2025
งานวิจัย AI ป้องกันสมองเสื่อม เป็นเพียง 1 ใน 3 ผลงานเด่นที่ TMA ร่วมกับพันธมิตร นำมาขึ้นเวทีปี 2025 โดยรางวัลที่ประกาศในปี 2568 ภายใต้แนวคิด Care Economy นี้ มีผู้คว้ารางวัลรวมทั้งสิ้น 3 ผลงานหลัก ได้แก่ 1. รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทเดี่ยว ได้แก่ ศ.ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากผลงาน “การอบแห้งด้วยไอน้ำร้อนยวดยิ่งที่ความดันต่ำ”

2. รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประเภทกลุ่ม ได้แก่ ผศ. ดร.บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ และคณะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากผลงาน “ชุดนวัตกรรมฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้สูงอายุ” และ 3. รางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ได้แก่ ผศ. ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ จากผลงาน “การบูรณาการนิวโรเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันสมองเสื่อมอย่างครบวงจร”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Care Economy อีกมากกว่า 30 ผลงาน ในโซน TechInno Mart เช่น เทคโนโลยีการตรวจอัลบูมินในปัสสาวะเพื่อคัดกรองโรคไตอย่างรวดเร็ว และ A-MED Care แพลตฟอร์มกลางสำหรับหน่วยบริการปฐมภูมิ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใส่ใจอย่างเต็มรูปแบบ.
กำลังโหลดความคิดเห็น