ผู้ใช้ "คินโทน" (Kintone) มีข่าวดี เพราะ Kintone Thailand ประกาศเปิดตัว "Kintone AI Lab" ให้ฟรีเบต้าเวอร์ขันแก่ลูกค้าทุกรายในประเทศไทย ดีเดย์ทดลองใช้งานได้แล้วตั้งแต่ 19 สิงหาคม 2568
สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ Kintone AI Lab ไม่ได้เป็นแค่ฟีเจอร์ใหม่ แต่คือการเอา Generative AI มาเสริมพลังธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การทำงานแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนโค้ดใดๆ
ตัวอย่างเช่นการพิมพ์ในช่องแชตว่า "อยากได้แอปติดตามคำถามจากลูกค้า" ระบบก็จะออกแบบโครงสร้างแอปมาให้ทันที หรือถ้าใครอยากตั้งระบบอนุมัติเอกสารและเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อน Kintone AI Lab ก็สามารถช่วยสร้างขั้นตอนอัตโนมัติได้ง่ายภายในไม่กี่นาที
***พลิกช้าให้เป็นเร็ว
นายน้ำยา วายุภาพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คินโทน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจและผู้จัดการฝ่ายไอทีในประเทศไทย พบความตื่นตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อศักยภาพของซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเองและเทคโนโลยี AI นี่ถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมที่จะแสดงให้กลุ่ม SMB เห็นว่าเครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังเข้าถึงได้ง่ายและพร้อมที่จะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของทีมงาน
"Kintone AI Lab มอบศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้อยู่ในมือของคนที่รู้จักธุรกิจของตนเองดีที่สุด เป็นแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ หากใครสามารถอธิบายปัญหาทางธุรกิจได้ ก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันเพื่อแก้ปัญหานั้นและขับเคลื่อนความสำเร็จได้ด้วยตัวเองในขณะนี้"
จากข้อมูล พบว่า Kintone AI Lab ได้ผสานเทคโนโลยี Generative AI เข้าไว้ในแพลตฟอร์มโดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบแอปพลิเคชันและจัดการกระบวนการทำงาน (Workflow) ได้ผ่านคำสั่งการสนทนาที่เรียบง่าย การเปิดตัวครั้งนี้มุ่งแก้ไขอุปสรรคสำคัญที่ SMB ในภูมิภาคกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่สูง ความซับซ้อนในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และปัญหาการขาดแคลนบุคลากรไอทีที่มีทักษะเชี่ยวชาญ
จากข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) ธุรกิจ SMB ของไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำอนาคตดิจิทัลของประเทศได้ หากสามารถแก้ไขปัญหาช่องว่างด้านทักษะที่สำคัญได้ โดยพบว่าเยาวชนไทยเกือบ 3 ใน 4 (74.1%) ยังขาดทักษะดิจิทัลขั้นพื้นฐาน และมีประชากรเพียงประมาณ 1% เท่านั้นที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง ดังนั้น ธุรกิจ SMB จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการฝึกอบรมพนักงาน การให้คำแนะนำ และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ รวมถึงเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI
การลดช่องว่างดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้ถึง 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ตามข้อมูลจากสถาบันการพัฒนาการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development) หรือ IMD
ในด้านความปลอดภัย Kintone ก็ไม่มองข้าม เพราะแพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบด้วยมาตรฐานระดับองค์กร มีระบบควบคุมสิทธิ์ผู้ใช้อย่างเข้มงวด และยืนยันชัดเจนว่าข้อมูลของลูกค้าจะไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI ภายนอก
Kintone AI Lab พร้อมให้บริการในรูปแบบเบต้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้า Kintone ทุกรายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานบริการและเลือกฟีเจอร์ AI ที่ต้องการได้ภายในการตั้งค่า Kintone ของตนเอง โดยจะมีการเปิดตัวความสามารถด้าน AI เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้.