คินโทน (Kintone) แพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันแบบไม่ต้องเขียนโปรแกรมหรือ no-code จากญี่ปุ่น ห่วงไทยขาดแคลนบุคลากรด้านไอที จนอาจทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลหรือ Digital Transformation ของ SME ไทยชะงัก กางแผนใหญ่ร่วมมือกับ 500 บริษัทไทยภายในปี 2569 และขยายไปสู่ 1,000 บริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายน้ำยา วายุภาพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Kintone Thailand แสดงความมั่นใจว่าแพลตฟอร์ม no-code สามารถกำจัดอุปสรรค และเสริมความแกร่งให้กับเจ้าของธุรกิจและเหล่าผู้บริหารให้มีความสามารถในการควบคุมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตัลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารทนเทศ
“จากการสำรวจและศึกษาความต้องการของธุรกิจในประเทศไทย ตัวเลือกเทมเพลตแบบพร้อมใช้งานทันที (ready-to-use) และอินเตอร์เฟสภาษาไทยที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้น เราสามารถช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถปรับมาใช้งานกระบวนการทำงานแบบดิจิตัล (Digital Workflow) ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาแก่กลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ใช้งานระบบ คินโทน ในกระบวนการทำงานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด”
Kintone ชี้ว่าแม้ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทั้ง 5G และไฟเบอร์ออปติกครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ แต่ตัวเลขล่าสุดจาก BBC และ Google เผยว่า จำนวนบุคลากรไอทีของไทยยังเพิ่มขึ้นไม่ทันกับความต้องการ โดยมีบุคลากรไอทีเพียง 1% ของประชากรเท่านั้น และที่หนักไปกว่านั้น คือคนเก่งส่วนใหญ่ต่างไหลไปทำงานกับองค์กรใหญ่ ทำให้ SME ของไทยต้องดิ้นรนสุดขีดในการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิตัล
วิกฤตนี้สามารถถูกพลิกเป็นโอกาส ได้ด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า No-Code โดย Kintone ชี้ว่าได้เปิดตัวแพลตฟอร์มในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมให้บริการภาษาไทย และศูนย์บริการลูกค้าประจำประเทศไทยแล้ว โดยแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ SME ไทยสามารถสร้างแอปพลิเคชัน กระบวนการทำงาน และระบบประสานงานในองค์กรได้เองแบบไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
ในฐานะกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตัลได้ง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น และเร็วขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ Kintone ชี้ว่าได้ออกแบบเทมเพลตเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น การผลิต, เทรดดิ้ง, และการสรรหาบุคลากร พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ www.kintone.com/th-th/ ให้ใช้งานง่าย และเข้าถึงข้อมูลได้ครบถ้วน
สำหรับแผนธุรกิจของ Kintone ในระยะยาว คือการร่วมมือกับ 500 บริษัทไทยภายในปี 2569 และขยายไปสู่ 1,000 บริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิตัลไทย ให้ไปถึงเป้าหมาย 30% ของ GDP ภายในปี 2573 ตามนโยบายที่ประเทศไทยวางไว้.