ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโต 50% ภายในปี 2573 ผ่านโครงการริเริ่มของภาครัฐ ซึ่งรวมถึงนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) และแผนงานดิจิทัลแห่งชาติ เพื่อวางรากฐานของประเทศให้เติบโต และต้องการให้ภาคธุรกิจดำเนินการในทันที
55% ขององค์กรพึ่งพานวัตกรรมดิจิทัลในการขับเคลื่อนโครงการที่มีกำไรสูงสุด ในขณะที่ 76% ของผู้นำธุรกิจทั่วโลกตระหนักว่าการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญสู่การบรรลุทั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนและวัตถุประสงค์ทางธุรกิจอื่นที่กว้างขึ้น
นับเป็นการเน้นย้ำถึงพลังของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ธุรกิจ ทั้งนี้ ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประตูสู่โอกาสกำลังปิดตัวลง ดังนั้นองค์กรที่ไม่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ มีความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
***ใช้เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ เพิ่มความได้เปรียบ
การคาดการณ์ด้านเทคโนโลยีของฟูจิตสึ ในปี 2568 ชี้ให้เห็นถึงการวางแผนกลยุทธ์ด้านไอทีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจไทย บวกกับการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอมพิวเตอร์ควอนตัม และความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูง มากำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ในอนาคต
1.ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ AI กำลังเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องมือ สู่การเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ Agentic AI หรือ AI เชิงปฏิบัติจะเพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจทำงานต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ ลดการแทรกแซงของมนุษย์ และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ จะต้องปรับกลยุทธ์ด้านไอที เพื่อเริ่มทดลองใช้ AI เชิงปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ การตัดสินใจอย่างอิสระที่ขับเคลื่อนด้วยตัวแทนที่เป็น AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและบุคลากรสามารถทำงานที่มีคุณค่าสูงขึ้น
2.การก้าวกระโดดของการประมวลผลแบบควอนตัม: ฟูจิตสึคาดว่าจะได้เห็นความก้าวหน้าในการแก้ไขข้อผิดพลาดของควอนตัม ซึ่งจะทำให้คิวบิตมีเสถียรภาพและสามารถขยายเครือข่ายได้มากขึ้น การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยให้การคำนวณควอนตัมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจำเป็นสำหรับงานในด้านต่างๆ เช่น การค้นคว้ายาและวัสดุศาสตร์ เพื่อรักษาระดับความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจควรสำรวจผลกระทบของ Quantum computing และพัฒนาโรดแมประยะยาวด้านไอทีที่มีการนำเทคโนโลยีนี้รวมอยู่ด้วย
3.มาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่พัฒนาไปตามยุคสมัย: เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นตามไปด้วย ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การฝึกอบรมและพัฒนา เพื่อเปลี่ยนบุคลากร จากที่เป็นจุดอ่อน ให้กลายเป็นแนวป้องกันที่สำคัญ
***ฟูจิตสึมุ่งองค์รวม
เพื่อนำทางภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีในปี 2568 และอนาคตให้ประสบความสำเร็จ ธุรกิจจำเป็นต้องมีแผนงานเชิงกลยุทธ์ในการบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ เข้ากับกรอบการดำเนินธุรกิจ
แม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะมีศักยภาพมหาศาล แต่กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลนั้นอยู่ที่กลยุทธ์ด้านไอทีที่มีการกำหนดอย่างชัดเจนและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแต่ละบริษัทโดยเฉพาะ
ฟูจิตสึมีบริการและโซลูชันแบบครบวงจรที่ออกแบบในการเพิ่มขีดความสามารถให้แต่ละธุรกิจ ทั้งบริการด้านระบบ SAP โดยบริการด้านระบบ SAP ครบวงจรของฟูจิตสึ ครอบคลุมตั้งแต่การปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชัน ไปจนถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในการนำ SAP S/4HANA ไปใช้งาน ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจมีความคล่องตัว พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่หลากหลาย
ยังมีโซลูชัน ServiceNow โดยฟูจิตสึในฐานะผู้นำระดับโลกด้านประสบการณ์ดิจิทัลได้รับการยกย่องให้เป็นพันธมิตรแห่งปีของ ServiceNow ถึง 8 ครั้ง จนถึงปี 2568 รวมถึงการได้รับการยอมรับให้เป็น ServiceNow Consulting and Implementation Partner แห่งปีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้งของฟูจิตสึ ในการนำเสนอโซลูชันดิจิทัลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์ม ServiceNow ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงาน และยกระดับประสบการณ์ทั้งของลูกค้าและพนักงาน
รวมถึงโซลูชัน Cloud โซลูชันไอทีแบบไฮบริดและคลาวด์ของฟูจิตสึช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและสามารถขยายได้ตามความต้องการ เพื่อรองรับการเติบโตในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในปัจจุบัน
ในระดับโลก ฟูจิตสึได้ช่วย Toll Group ในออสเตรเลียสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลสมัยใหม่บน Azure โดยย้ายข้อมูลที่มีอยู่ตลอด 5 ปี จากแพลตฟอร์มเดิมไปยังคลาวด์ ซึ่งช่วยให้องค์กรประหยัดเวลาในการจัดทำรายงานได้ถึง 96% และลดต้นทุนในการจัดการข้อมูลลงได้มากกว่า 50% ส่งผลให้สามารถตัดสินใจโดยการอ้างอิงจากข้อมูลได้ทั่วทั้งองค์กร