ทรูมันนี่ (TrueMoney) ควงแอสเซนด์นาโน (Ascend Nano) เตือนระวังภัยมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัทหลอกลวงประชาชนสมัครสินเชื่อปลอม คำแนะนำนี้ถูกส่งมาในเวลาไล่เลี่ยกับกระแสข่าวว่าร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven สามารถรองรับการชำระเงินช่องทางอื่นนอกเหนือจากทรูมันนี่แล้ว แม้บางสาขาจะยังไม่สามารถสแกนจ่ายค่าสินค้าได้ในช่องทางอื่น
ในแถลงการณ์เตือนภัยประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท ทรูมันนี่ และแอสเซนด์ นาโน รวมถึงโลโก้ หรือชื่อสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้สมัครบริการสินเชื่อปลอมนั้นระบุคำแนะนำวิธีสังเกตบริการสินเชื่อที่ถูกต้องบนแอปทรูมันนี่ของจริงว่ามีเพียงบริการ Pay Next / Pay Next Extra โดยบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด และวงเงินพร้อมใช้สบายเป๋าที่บริษัทให้บริการร่วมกับพันธมิตร ณ จุดขาย โดยผู้ที่สนใจต้องสมัครและส่งเอกสารผ่านแอปทรูมันนี่ ที่ดาวน์โหลดจาก App Store และ Google Play Store เท่านั้น
***ทรูมันนี่เป็นใคร? ทำไมต้องเตือนภัย
ทรูมันนี่มองตัวเองเป็นผู้นำบริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งเน้นให้บริการทางการเงินแก่ผู้คนซึ่งรวมไปถึงผู้ที่เข้าไม่ถึงบริการของสถาบันทางการเงิน โดยให้บริการใน 7 ประเทศในภูมิภาคได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทรูมันนี่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2556 และเข้าเป็นธุรกิจหนึ่งของบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ ในปี พ.ศ.2557 และเป็นพันธมิตรกับบริษัท Ant Group ใน พ.ศ.2559
ที่ผ่านมา ทรูมันนี่มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะบริการบัญชีทรูมันนี่วอลเล็ตที่คนไทยหลายคนสมัครไว้เพื่อให้จ่ายในร้านค้าปลีก ตั้งแต่ร้านค้าในศูนย์อาหาร ร้านค้าเชนฟาสต์ฟูด และอีกหลายร้าน รวมถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่รองรับบริการทรูมันนี่เป็นหลัก
ทั้งหมดนี้ ทรูมันนี่ยืนยันว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ในการสมัครทุกกรณี ล่าสุดบริษัทมีความห่วงใยและขอแนะนำประชาชนให้ระมัดระวังและตรวจสอบก่อนทำธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยทรูมันนี่ยืนยันว่าได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างไม่หยุดยั้ง เช่น ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น TrueMoney 3X Protection ที่ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์ ซึ่งทำงานโดยผสานการทำงานของปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีการอ่านชีวมิติ
ทรูมันนี่เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรมในระดับสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับต่างๆ อย่างใกล้ชิด รวมถึงมีสายด่วน 1240 กด 6 เพื่อรับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง
***ลือร้าน 7-11 รองรับบริการสแกนชำระเงินได้
ข่าวลือล่าสุดสะท้อนว่าทรูมันนี่กำลังพบการแข่งขันที่จริงจังยิ่งขึ้น เนื่องจากมีรายงานว่าร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven กำลังเปิดรับการชำระเงินด้วยระบบ e-Payment อื่น ทำให้เปลี่ยนแปลงจากที่แต่เดิมรองรับทรูมันนี่ และการจ่ายเงินผ่าน Alipay และ Wechat โดยไม่เปิดให้จ่ายสแกนจ่ายผ่าน QR code หรือผ่านทางบัญชีส่วนตัว เช่นเดียวกับบัตรเดบิตที่ไม่รับทุกธนาคาร ซึ่งหากผู้ใช้ต้องการจ่ายค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต บริษัทเคยกำหนดให้ชำระได้เมื่อซื้อสินค้ามูลค่า 300 บาทขึ้นไป จนต่อมาเปิดให้จ่ายได้แบบไม่มีขั้นต่ำ และล่าสุดกำหนดมูลค่าขั้นต่ำ 200 บาท ทั้งหมดนี้ทำให้ 7-Eleven ได้รับเสียงร้องเรียนไม่น้อย เนื่องจากผู้ใช้บางส่วนมองว่าการบังคับจ่ายเงินด้วยทรูมันนี่นั้นยุ่งยากเกินไป ส่งให้ร้านสะดวกซื้อไม่ได้สะดวกจ่ายตามไปด้วย
ทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่ทรูมันนี่ชี้แจงว่าการใช้จ่ายด้วยทรูมันนี่ที่ร้าน 7-Eleven เป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถเลือกช่องทางการในการชำระด้วยบัญชีธนาคาร หรือ บัตรเครดิต/เดบิต ที่ผูกกับบัญชีทรูมันนี่ได้ และยังสามารถได้รับสิทธิพิเศษและโปรโมชันอื่นๆ อีกมากมายเมื่อใช้จ่ายด้วยทรูมันนี่ที่ร้าน 7-Eleven
อย่างไรก็ตาม 7-Eleven บางสาขายังคงรองรับการชำระเงินด้วยทรูมันนี่ รวมถึงการจ่ายเงินผ่าน Alipay และ Wechat เท่านั้น โดยยังไม่สามารถสแกนจ่ายได้ในขณะนี้