xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ทองดีเบอร์เกอร์จากทุน 3,000 ร้านรถเข็นทำเองทุกอย่าง 9 เดือนเปลี่ยนสู่การมีหน้าร้านของตนเองแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าต้องเริ่มต้นใหม่กี่ครั้ง.. “มันต้องทำ ต้องทำต้องสู้แต่ผมอย่างที่บอกว่า ผมก็แค่ต้องลงมือทำ ทำซ้ำ ๆ ไปถึงแม้ว่าไม่ใช่ “เบอร์เกอร์” ก็ตาม อย่างที่บอกถ้ามันไปไม่รอดไปอย่างอื่น ด้วยวิธีไหนก็ได้ทำให้ชีวิตมันเดินต่อได้เท่านั้นเองครับ”


นายวรยุทธ วงษ์มณี หรือพี่อ๊อด เจ้าของร้าน “ทองดีเบอร์เกอร์” ดูจากทรงคือ อย่างแบ๊ดบอย! แต่ว่าตัวจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้คำพูดคำจาคือต้องบอกว่า มันคนละอย่างกันเลย ในวัย 38 ปีแล้ววรยุทธเล่าให้เราฟังอีกว่า“ที่ตลาดเตาปูนเนี่ยครับ ใช่ครับ วันแรกขายได้อยู่ประมาณ 70 ลูกครับวันนั้น ตอนแรกครับยังนั่งเหงา ๆ เงียบ ๆ ครับ ต้องบอกว่ามันอาจจะเป็น พูดแล้วขนลุกมันเป็น “โชค” ช่วยครับ มันเป็นโชคช่วยมียูทูบเบอร์ท่านหนึ่งครับ” วันแรกขายได้ 70 ลูกพร้อมกับมีคนมาทำคอนเทนต์ให้ แล้วมันก็ดีขึ้น ๆ ขยับขึ้นไป 70 เป็น 100 เป็น 120 เป็น 180-190 ทำขึ้นไปได้เรื่อย ๆ 25 บาท คือ ราคาที่ตั้งไว้เริ่มต้นเลย ก็จะมีเป็นเบอร์เกอร์ หมู-ไก่ 25 บาท/ชิ้น ส่วนเบอร์เกอร์เนื้อจะราคา 35 บาท ตอนแรกยังไม่ได้ปรับราคาเนื้อลงมายังไม่ได้มีวันโปร ก็พอขายได้ไปสักพักหนึ่งผมเริ่มทำโปรโมชันให้ลูกค้าเลยเพื่อ อย่างที่บอกมันมีช่วงที่ดร็อปผมก็เลยพยายามดึงลูกค้ามา ด้วยวิธีการไหนก็ตามเบอร์เกอร์เนื้อจะทุกวันอังคารลดเหลือ 25 บาทจากราคา 35 บาท “ช่วงหลัง ๆ ผมแจกพี่ไรเดอร์เยอะมาก วันหนึ่ง ๆ ตอนนี้เข้า 3 แอปฯ วันหนึ่งก็ประมาณ 40-50 ลูก แจกไรเดอร์1 ชิ้นต่อ1 คน ซึ่งตอนที่ทำแจกเนี่ยผมไม่ได้คิดในเรื่องของโปรโมตอะไรเลย ผมอย่างที่บอกผมไม่รู้เรื่องรายละเอียดพวกนี้ครับ ผมก็แค่อยากจะให้แค่นั้นเองครับ”แต่ว่าที่ไหนได้พอทำไปแล้ว มันก็มีคนเขากลับมาซื้อจากพี่ไรเดอร์ ถามว่าเข้าเนื้อพ่อค้าไหมที่แจกฟรีไปเยอะขนาดนี้ต่อวัน? ถ้าเป็นจำนวนเยอะ ๆ ไม่มีปัญหาครับ อยู่ได้ครับ

ขนมปังจะมีการทาเนยก่อนจะกริลด้วย ให้หน้าเกรียม ๆ หอม ๆ ก่อน
“ทองดี” เบอร์เกอร์ชื่อไทย ๆ ที่มาจากชื่อของ “คุณพ่อ”
ในวัยเด็กผมเกิดและก็โตในสลัมแถว ๆ ย่านนี้ แล้วในวัยเด็กเราพ่อแม่ก็ไม่ได้มีโอกาสหรือว่ามีเงินมีทองอะไรมากมาย หลังจากนั้นพอได้เรียนหนังสือไปเขาก็ส่งให้เรียนตามปกติ ตอนนั้นก็ไม่ได้จุดหมายอะไรในชีวิตมากมายตามประสาเด็กวัยรุ่นปกติ จนมาเรียนจบปุ๊บได้เข้าทำงานกับบริษัท(แบรนด์ดัง) เป็นช่างเทคนิคทำไปสักระยะหนึ่ง เราทำจนเริ่มรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับรูปแบบงานที่ต้องทำ ซึ่งเราเองเรียนจบทางด้านช่างไฟฟ้ามาแต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ใช้เลย ทำงานประจำได้สักประมาณ7-8 ปีก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างเบื่อแล้ว ประกอบกับมีแนวคิดตอนนั้นคืออยากเป็น “เจ้านายตัวเอง” แล้วพอดีช่วงนั้นมันมีกระแสของ “ซูชิ” ที่กำลังมาด้วย ก็เลยเลือกที่จะลองทำดู “ในช่วงวัยรุ่นครับผมอาจจะมีทักษะในเรื่องของ การทำงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังต่าง ๆ มาด้วย ก็เลยได้ทักษะเป็นประสบการณ์จากตรงนั้นมาค่อนข้างเยอะ แต่ว่าตอนนั้นอย่างที่บอกว่าผมก็มีเกเรบ้างทำออกแล้วก็ทำแล้วก็เปลี่ยนงานไปเรื่อย มันเลยมีทักษะชีวิตค่อนข้างเยอะ” ก็ทำซูชิอยู่สักพักหนึ่งโอเคขายดี รสชาติดี ขายอยู่แถวแฟชั่นไอร์แลนด์ตอนนั้นพอถึงช่วงหนึ่งเริ่มรู้สึกว่ามันดร็อป เปลี่ยนอาชีพ!

เปลี่ยนอาชีพตอนนั้นก็ไปทำ “อาหารตามสั่ง” แต่เชื่อไหมว่า ทำไม่เป็นนะครับ ก็เริ่มจากทดลองเองเหมือนเดิม เป็นคนที่ชอบลองผิดลองถูกทำไปเรื่อย ๆ แล้วก็ศึกษาดูจากยูทูบที่เขาสอนกันเราก็เอามาลองปรับดู ลองมาผัดข้าวลองมาอะไรเองโอเคจนทำได้(หัวเราะ) พอทำไปสักพักหนึ่งตอนนั้นขายอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมันขายดีรสชาติดีครับ แต่มันก็ได้แค่ในหมู่บ้านเพราะว่าคนยังไม่รู้จักเรามากมาย สุดท้ายแล้วเหมือนเดชะบุญคือพอได้ทำ “หมูกรอบ” ไปเรื่อย ๆ ก็เลยทำหมูกรอบได้เก่งมากเลยคราวนี้“พอทำหมูกรอบได้เก่งมาก ขายหมูกรอบครับไม่ได้ขายอาหารตามสั่งแล้ว ขายหมูกรอบแล้วก็ให้ความรู้ในช่องยูทูบด้วย เปิดช่องสอนเทคนิคต่าง ๆ ผมบอกละเอียดหมด ซึ่งคนที่ดูคลิปผมดูแล้วทำเป็นทุกคนแน่นอนครับ” หลังจากนั้นมาพอเลิกทำหมูกรอบเสร็จ มีปัญหาชีวิตบางอย่างครับต้องมาเริ่มต้นใหม่หมดเลย ไม่มีเงินเลยครับสักบาทเดียว อาชีพตอนแรกกลับมาอยู่บ้านที่เตาปูนคือไปขับสามล้อไฟฟ้ารับจ้างอยู่ใกล้ ๆ กับแถวนี้ ทำได้อยู่ 10 กว่าวันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง ผมก็ถามตัวเองว่าเรามาทำอะไรอยู่ในตรงนี้ 12 ชม.ทำงานอยู่ 12 ชม. มันไม่ใช่ตัวเรา! แล้วก็ผมคิดว่าตัวผมมีความสามารถมากกว่านี้ ตอนที่ผมกลับมาเนี่ยทางบ้านที่อยู่ตรงแถว ๆ นี้ก็โดนไล่ที่กันครับ รู้ว่าจะโดนไล่ที่แล้วด้วยไม่มีงานทำ ไม่มีเงินครับ ก็เลยรู้สึกว่าต้องทำยังไงก็ได้ให้ขายของได้และก็มันไปต่อได้ แต่ว่าตอนนั้นก็สมมุติถ้ามันไปไม่ได้นะครับที่คิดไว้ ถ้ามันไปไม่ได้ก็แค่ไปทำงานสักงาน แล้วก็ได้เงินมาสักก้อนครับแล้วก็ไปหาอาชีพใหม่ต่อเท่านั้นเองครับ ผมก็จะทำอย่างเงี้ยแต่ว่าถ้าเป็นลูกจ้างประจำคงไม่เป็นแน่นอน” ผมทำ ตอนที่ผมทำผมคิดแล้วผมทำเลยนะครับร้านเบอร์เกอร์ ไม่ได้รออะไรเลย แล้วก็ชื่อแบรนด์มาจากชื่อของ “คุณพ่อ” คือมันเป็นชื่อของพ่อผมด้วย


เริ่มต้นด้วยทุน 3,000บ. ต่อยอดจากยูทูบที่สอนทำหมูกรอบ
เลิกขับสามล้อเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่! แล้วพอดีได้ทุนมา 3,000 บาทจากช่องยูทูบที่สอนทำหมูกรอบด้วยตอนนั้น คิดว่าต้องขายเบอร์เกอร์แน่นอน เพราะว่าตอนนั้นก็มีอยู่แค่ “เตาสเต๊ก” 1 เตาแล้วก็มีมอเตอร์ไซค์ที่ยังผ่อนไม่หมด (ติดค่างวดอยู่ร่วม ๆ 3 ปีที่ไม่ได้ผ่อนเขาเลย) จนมาเริ่มทำด้วยงบ 3,000 บาทที่มีอยู่ตอนนั้น“เริ่มหาวัตถุดิบ เดินตามแม็คโครไปดูวัตถุดิบจดข้อมูลต่าง ๆ ตอนนั้นก็ตั้งเป้าหมายว่า จะทำยังไงให้เบอร์เกอร์อยู่ในราคาที่ถูกได้ครับ ตอนแรกที่ตั้งไว้ในตอนแรกราคา 19 บาทครับ แต่ว่ายังไม่รู้เลยจะทำได้หรือเปล่าครับ เพราะว่าผมแค่คิดว่ายุคสมัยนี้เศรษฐกิจมันไม่ค่อยโอเคเท่าไร กับถ้ามีเบอร์เกอร์จากที่ปกติมันราคาสูง แต่ผมสามารถทำราคาที่คนทุกคนทุกช่วงวัยของอายุหรือทุกคนเข้าถึงได้ ใช่ครับ ผมว่ามันน่าจะแมสน่าจะไปได้” ส่วนใหญ่วัตถุดิบผมใช้ของจากแม็คโคร ส่วนพวกเนื้อสัตว์ผมดิวตรงมาจากทางโรงงานเลย อย่างที่บอกผมมีทักษะทางเรื่องพวกนี้ผมจะรู้ว่าต้องไปเอาที่ไหน ปัญหาส่วนมากที่ผมเจอตอนที่ไปอยู่ในตลาดมันก็เกิดจาก พ่อค้าแม่ค้าบางคนเขาไม่ได้เอามาจากต้นทางแทบจะทั้งหมดเพราะซื้อของในตลาด วัตถุดิบบางอย่างมันเลยค่อนข้างแพง เขาก็เลยต้องมาขายในราคาที่สูง ผมเลยรู้ปัญหาเรื่องนี้




“เอ๊ะทองดีเบอร์เกอร์ดีไหม? แค่นั้นเองครับ ผมก็รู้สึกว่า แล้วมันก็ดูขัดความเป็นอาหารฝรั่งด้วยคำว่า “ทองดี” ใช่ครับชื่อไทยมาก ๆ เลยครับ แล้วก็ตอนแรกก็ยังรู้สึกว่า พ่อเขาบอกเขิน ๆ พอพูดไปทองดีเบอร์เกอร์ ทำป้ายเสร็จเขาก็บอกว่าโอ๊ยชื่อเขา เขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามประสาคนแก่เนาะคนสูงอายุครับ ผมก็รู้สึกว่าเอ๊ะนี่แหละ มันรู้สึกนี่แหละต้องทองดีเบอร์เกอร์เท่านั้น ความรู้สึกว่ามันใช่เลยนะ มีคนเขาบอกใช่ ใช่เลย พอมาขายได้รับลูกค้ามาบอก ทำไมชื่อมันดูเท่ดี บวกกับสไตล์ร้านครับที่ทำเองทุกอย่างขึ้นมา มันก็เลยรู้สึกว่าเนี่ยแหละครับ “ทองดีเบอร์เกอร์” ดีกว่าครับ”


ราคาเริ่มต้นที่ 25 บ. ด้วยรสชาติเป็นสูตร “ซอส” เฉพาะของที่ร้าน
รีเสิร์ชข้อมูลด้วยในยูทูบดูทั่วไปว่า “เบอร์เกอร์” ตามท้องตลาดทั่วไปเขาก็แค่มีซอสมะเขือเทศมีซอสหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ตัว“ตอนนั้นผมก็เลยเอาซอสของซูชิครับ ที่ปกติมันทำตอนนั้นผมทำซูชิอร่อยเหมือนกัน ก็เลยเอามาอะแด๊ปใส่ในเบอร์เกอร์ดู ก็โอเคมันอร่อยดี(หัวเราะ) เพราะว่าผมตีซอสเองตอนที่ทำซูชิตีเอง แล้วผมก็เอ๊ะตอนนั้นเอามาเบิร์น(เบิร์นไฟ) ซูชิเบิร์นไฟมันอร่อยนะ ใช่ครับ อร่อยเลยครับ และก็รู้สึกว่ามันน่าจะมาปรับกับเบอร์เกอร์ได้” ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันอร่อยไหม เพราะว่าผมไม่กล้าตัดสินใจ ผมรู้ว่ามันอร่อยแต่ในส่วนของผม เพราะว่าอย่างที่บอกแต่ก่อนผมไม่ได้เป็นคนทำอาหารแล้วผมไม่รู้ว่าอร่อยมันคืออะไร ตรงไหน พอได้ทำมาเรื่อย ๆ ก็เลยเอาที่ผมชอบประมาณนั้นครับ 

“รสชาติ ขนมปังมีความนุ่ม กลมกล่อมเรื่องซอสครับ แล้วก็อย่างถ้าเป็น “หมู” นะครับหมูก็จะมีความฉ่ำในตัว ส่วน “เนื้อ” ผมจะกริลแบบสแมชเบอร์เกอร์ครับ มันจะมีความเกรียมครับ หอม ๆ ครับ และก็ผักผมจะใช้ผักกาดมันไม่ใช่ผักกาดหอมไทยครับ มันเป็นผักกาดที่มันดูกรอบกว่า(ผักกาดหอมจีน) กรอบกว่ามันก็เลยเป็นจุดแตกต่างร้านเบอร์เกอร์ธรรมดา ๆ ในราคาตลาดนัดทั่วไป” ถามว่าราคา 25 บาท ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นก็จะมีกำไรอยู่ราว ๆ สัก 5-6 บาท/ชิ้น แต่ถ้ามีการ Add (เพิ่มชั้นของเบอร์เกอร์) หลายชั้นขึ้นไปอีก ในส่วนนี้ก็จะคิดราคาเพิ่มเป็นชั้นละ 20 บาท จะสั่งเพิ่มกี่ชั้นก็ได้ในเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น


จากร้านรถเข็นในตลาด 9 เดือนเปลี่ยนสู่การมีหน้าร้านเอง
จุดเปลี่ยนของร้านมาถึงตอนนี้ผมว่า มันมีระยะเวลาให้ลูกค้าได้มากขึ้นในการขาย และก็ลูกค้าไม่ไปแน่นในตอนเย็นมากเพราะปกติช่วงที่ขายอยู่ในตลาดค่อนข้างแน่นที่ตอนเย็น(15.00-20.00น.) ตอนนั้นขายที 400 ลูกช่วงพีค ๆ เลย มัน 4 ชม. แล้วลูกค้าไปต่อคิวบังร้านอื่นด้วย จนตอนนี้มาเขามีหลายช่วงเวลาที่มาที่ร้านใหม่“ผมไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมาได้ถึงจุดนี้(หัวเราะ) ตอนนี้ก็ถ้านับมาแล้วก็ประมาณ 9 เดือนเองครับ มาอยู่ที่ร้านนี้ได้เมื่อวันที่ 19 เดือนที่แล้วนี่เองครับ มันเลยมีฐานลูกค้ามาด้วย”ตอนย้ายมากังวลเหมือนกันว่า ลูกค้าจะตามมาไหม? ครับ สุดท้ายตามมาแบบถล่มทลายครับ แต่ว่าตอนที่ออกมามันก็มีปัญหาบางอย่างแต่ว่า ไม่ได้บอกลูกค้ามันค่อนข้างรวดเร็วเกินไป “ตอนที่อยู่ในตลาดผมได้เรื่องของ หนึ่งเรื่องของราคาเบอร์เกอร์ที่ถูก และก็พูดจาดีกับลูกค้าครับ มีแจกไรเดอร์คนละ 1 ชิ้นครับ เมื่อมีออร์เดอออนไลน์เข้ามาไรเดอร์ก็จะได้คนละ 1 ชิ้น ส่วนเด็ก ๆ ที่มากับพ่อกับแม่ครับผมก็จะแจกขนมด้วย ผมก็แค่อยากแบ่งปันให้กับคนอื่นในวันที่ผมไม่เคยได้บ้าง หรือว่าต้องการมันในช่วงเวลาเด็ก ๆ ครับ”


เริ่มมีลูกน้อง(จ้างคนงาน) มาช่วยคนแรกเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว แล้วพอมาเริ่มที่ร้านนี้ก็เพิ่งมาเพิ่มอีก 2-3 คน เพราะว่าออร์เดอที่เข้ามาซึ่งจะมีทั้ง รับหิ้วด้วย ออนไลน์(ไลน์แมน, แกร๊บ, โรบินฮู้ด) และหน้าร้าน สำหรับช่วงเวลาที่เบอร์เกอร์จะขายดีที่สุดคือ ช่วงเย็น (16.00น. เป็นต้นไป) กลางวันก็มีแต่ว่าไม่ค่อยเท่าไหร่จะพีคหนักมากคือ ช่วงเย็น“แล้วก็ช่วงโปรด้วยครับ โปรวันอังคารเนี่ยครับก็จะมีตั้งแต่เที่ยงไปเลย และก็เดี๋ยวจะมีโปรทุกวันที่ 15 ครับ เบอร์เกอร์หมู-ไก่ลดเหลือ 20 บาทครับ เนื้อ 25 บาท ใช่ครับ ทุกวันที่ 15 ของเดือน อย่างที่บอกผมอยากให้ครับ ผมได้แล้วหรือว่าชีวิตผมมันไปได้แล้ว ผมแค่อยากให้คนอื่นเขาบ้างแค่นั้นเองครับ ไม่ได้คิดในเรื่องของธุรกิจอะไรเลย(หัวเราะ) ที่ทำนะครับ”


คนสนใจแฟรนไชส์เยอะ แต่ว่าขอศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน
จากทุน 3,000 บาทที่เริ่มต้นทำเบอร์เกอร์มาช่วยให้ชีวิตคลี่คลายขึ้นมาก และยังส่งต่ออาชีพให้กับพี่น้อง(พี่สาว) และก็หลานชายได้อีกด้วย ซึ่งหลานชายของผมเรียนอยู่ชั้น ม.3 เขาอยากมีรายได้ เพราะว่าแม่เขาขายซูชิซึ่งก็เป็นสูตรของผมที่ให้ไปด้วยผมก็เลยส่งต่ออาชีพเบอร์เกอร์ให้กับเขาเพราะเห็นแล้วว่าหลานเป็นคนค่อนข้างขยัน เขาก็จะขายอยู่ที่ตลาดไทยรามัญ เด็ก ม.3 เลิกเรียนมาขายทุกวัน ส่วนพี่สาวก็ตอนแรกเขาเคยวิ่งไรเดอร์ด้วยผมก็เลยเข้าใจหัวอกนี้ด้วย ก็เลยส่งต่ออาชีพนี้ให้เพราะผมไม่อยากให้พี่น้องผมไปขับไรเดอร์ ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นอาชีพที่ไม่ดีแต่ว่ามันค่อนข้างเสี่ยงอันตรายบนท้องถนนแค่นั้นเอง

ทุกคนใช้แบรนด์เดียวกัน คือ ทองดีเบอร์เกอร์ โดยผมจะเป็นคนจัดการดิวทุกอย่างให้ไว้แล้ว“ส่วนคนนอกผมยัง ผมคิดว่ามันค่อนข้างโตไวเกินไปและก็ผมยัง ไม่ได้รู้เรื่องระบบอะไรทั้งนั้นเลย มีคนมาถามแบบนับไม่ถ้วนเลยมีเยอะมาก ๆ เลยครับ ผมบอกเขาว่าผมยังไม่ได้มีทักษะหรือว่า “แบรนด์” มันยังไม่ได้มั่นคงอะไร ผมไม่อยากมีปัญหาตามมาอยากให้มัน มั่นคงก่อนครับ ผมกลัวว่ามันโตไวเกินไปแล้วมันจะล้มลง ที่ยังให้เฉพาะคนในครอบครัวทำก่อนเพราะเรายังควบคุมคุณภาพบางอย่างได้ครับ กับตอนนี้ที่มันเป็นวงกว้างมากเกินไปตอนนี้ผมยังไม่สามารถบอกได้ทั้งหมดครับ”


อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง แต่แค่ทำวันนี้ให้เต็มที่! ที่สุดก็พอ
วรยุทธ วงษ์มณี หรือพี่อ๊อด เจ้าของร้าน “ทองดีเบอร์เกอร์” ยังบอกด้วย อย่างที่บอกผมค่อนข้างเจอการเปลี่ยนแปลงในชีวิตค่อนข้างบ่อยมาก มันเลยทำให้ความกลัวมันลดระดับลงไป แต่มันมีความกังวลอยู่แล้วครับว่ามันจะเป็นยังไงบ้างในวันข้างหน้าแต่ก็แค่ลงมือทำในวันต่อวันให้มันโอเคที่สุดแค่นั้นเองครับ“และก็ในส่วนหนึ่งด้วยเกิดจาก “พ่อ” ด้วยครับ พ่อผมเขาเป็นจับกังมาตั้งแต่อายุ 18 อยู่ที่จักรวรรดิ แบกน้ำตาลมาตั้งแต่อายุ 18 เขาเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ที่รู้นะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาอยู่กับอาชีพนี้จนแก่จนเลิกทำงาน และก็เขาไม่ได้มีอะไรในชีวิต ผมก็แค่อยากจะเติมเต็มสานฝันต่อเหมือนว่า ผมอาจจะได้เรื่องของความขยันมาจากพ่อ ผมค่อนข้างได้รับอิทธิพลตรงนี้มาเยอะมากเรื่องความขยันของพ่อ แต่ว่าอยากให้ชีวิตครอบครัวมันดีด้วยครับแค่นั้น และก็อยากดูแลครอบครัวทั้งหมดอยากเป็นเสาหลักของครอบครัวทั้งพ่อแม่พี่น้องของครอบครัวตัวเองทั้งหมดครับ ผมก็เลยแค่ต้องลงมือทำให้มันหนักมากเท่านั้นเองครับ”

ร้านใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดเตาปูนมากนัก
ในอนาคตน่าจะมีโอกาสสำหรับ “คนนอก” ที่ได้รับการส่งต่ออาชีพนี้ เพราะว่าผมก็จะต้องศึกษาเรื่องของความรู้ต่อยอดธุรกิจแน่นอนครับ ถึงแม้ว่าไม่รู้แต่เราต้องหาความรู้ตลอดเพื่อมาส่งเสริมธุรกิจของตัวเอง ในส่วนของ “เบอร์เกอร์” ตอนนี้ที่มีอยู่ยังอยากจะเพิ่มเป็นพวก เคบัฟด้วย พวกเมนูเครื่องดื่มด้วย กำลังหาวัตถุดิบอยู่และก็ยังยืนหยัดในเรื่องของ “ราคา” ก็ต้องเข้าถึงง่ายในราคาที่ย่อมเยาด้วย อาจจะมีพวกเฟรนด์ฟรายด้วย พวกไก่ทอดพวกนี้ผมทำเป็นหมดเลย คลุกที่มันเป็นเกล็ด ๆ ทำเป็นหมด และก็อยากทำร้านให้มันดีกว่านี้ด้วยครับ



“ก็ฝากร้านทองดีเบอร์เกอร์หน่อยนะครับ ทุกสาขาเลย มีที่สาขาเตาปูนนะครับ และก็สาขาตลาดไทยรามัญเป็นของหลานชายคนเล็กครับ และก็ของพี่สาวก็จะมีแถวตลาดบวรครับ ติดตามรายละเอียดได้ที่เพจ: ทองดีเบอร์เกอร์ ครับทุกอย่างได้เลยนะครับ”เป็นการทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มแบบเขิน ๆ ของพ่อค้าที่ถูกเราคะยั้นคะยอให้ฝากร้านได้ก่อนจะแยกย้ายจากกัน อาชีพที่เริ่มต้นจากศรัทธาเพียงเพื่อว่าให้ชีวิตเดินต่อไปได้ ด้วยทุนก้อนเล็ก ๆเพียง 3,000 บาท แต่ทว่าวันนี้กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีคนอยากจะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ “ทองดีเบอร์เกอร์” อย่างใจจดจ่อกันเป็นจำนวนมากพอสมควรเลย และที่สำคัญกลยุทธ์การขายการจัดโปรฯกระตุ้นยอดขายของพ่อค้า ซึ่งทุกแคมเปญล้วนมาจากตั้งใจที่จะ “แบ่งปัน” ก่อนคิดถึงเรื่องของธุรกิจ หากแต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าตื่นตาอย่างไม่น่าเชื่อทุกครั้งไป “ยิ่งให้ยิ่งได้” โดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ว่า “เราอยู่ได้” แล้วจึงอยากแบ่งปันต่อไป.. ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากพ่อค้าใจดีแห่งร้าน “ทองดีเบอร์เกอร์” ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้

สามารถแวะไปอุดหนุนเบอร์เกอร์อร่อย ๆ ในราคาที่ใคร ๆ ก็กินได้ 25 บาท ที่ร้านทองดีเบอร์เกอร์ทุกสาขา หรือติดตามได้ที่เพจ: ทองดีเบอร์เกอร์ สอบถามเพิ่มเติม โทร.098-895-9118

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น