ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ แอปเปิล (Apple) จะเริ่มทยอยเปิดให้ผู้ใช้งาน iPhone ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชันอย่าง iOS 17 อัปเดตมาใช้งานระบบปฏิบัติเวอร์ชันใหม่อย่าง iOS 18 ซึ่งมีการเปิดเผยคุณสมบัติบางส่วนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ให้ทั้งผู้ใช้งาน iPhone และ iPad ได้เข้าถึงฟีเจอร์การใช้งานรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น
โดยทั้ง iOS 18 และ iPadOS 18 คาดว่าจะเริ่มเปิดให้อัปเกรดมาใช้งานหลังการเปิดให้สั่งจอง iPhone 16 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายนนี้ ซึ่งผู้ที่ใช้งาน iPhone รุ่นก่อนหน้าที่สามารถติดตั้ง iOS 17 ได้ จะสามารถอัปเกรดมาเป็น iOS 18 เพื่อใช้งานได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การอัปเกรด iOS 18 ในรอบนี้ ทาง Apple ยังไม่ได้ปล่อยความสามารถของ Apple Intelligence (AI) ออกมาให้ใช้งานกัน ทำให้ผู้ที่เฝ้ารอใช้งานคุณสมบัติทางด้าน AI ใหม่ๆ อาจต้องรออัปเกรดกันอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ในเวอร์ชันของ iOS 18.1
ปัจจุบัน iOS 18 ยังอยู่ในสถานะการทดลองใช้งานของนักพัฒนา ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจทดสอบสามารถอัปเกรดมาใช้งานได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใช้งานทั่วไป แนะนำให้รอการเปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชันเต็มที่จะปล่อยในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ เพื่อเข้าถึงคุณสมบัติใหม่ๆ แทน
***ปรับแต่งหน้าจอหลักที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
หลักใหญ่ใจความของการอัปเดต iOS 18 สำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPadOS 18 สำหรับผู้ใช้งาน iPad จะอยู่ที่การปรับปรุงให้ iPhone มีความเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ Apple ตั้งใจเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอได้อย่างอิสระทั้งการวางตำแหน่ง และปรับเปลี่ยนสีไอคอน
จากเดิมใน iOS 17 ผู้ใช้งานจะทำได้เพียงการเพิ่มวิตเจ็ตต่างๆ เข้าไปแสดงผลร่วมกับไอคอนแอปพลิเคชันบนหน้าจอ แต่ใน iOS 18 นี้ จะเปิดให้สามารถปรับขนาดของวิตเจ็ต ย้ายตำแหน่งแอปได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องเรียงติดกันเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว รวมถึงการขยายขนาดของแอปให้ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องมีชื่อแอปแสดงผลบนหน้าจออีกต่อไป
นอกจากนี้ ยังเปิดให้สามารถปรับแต่งโทนสีของหน้าจอได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งโทนสว่าง โทนมืด หรือจะเลือกโทนสีที่ชื่นชอบ ซึ่ง iOS 18 จะทำการย้อมสีไอค่อนแอปทั้งหมดบนหน้าจอ ทำให้การปรับแต่งต่างๆ มีความเฉพาะตัวมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่ง iPhone ให้ดูแตกต่าง
ความยืดหยุ่นนี้ ยังรวมไปถึงหน้าจอล็อกสกรีนที่เปิดให้สามารถปรับเปลี่ยนไอคอนลัด จากเดิมที่ผู้ใช้ iPhone คุ้นชินกับการเข้าถึง ไฟฉาย และกล้องจากหน้าจอล็อกเครื่อง ใน iOS 18 นี้ สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นการเข้าใช้งานแอปที่ใช้ประจำ หรือจะเลือกเป็นคำสั่งลัดอื่นๆ อย่างการเข้าใช้เครื่องคิดเลข ควบคุมการเชื่อมต่อต่างๆ ก็ได้
***แถบควบคุมที่สะดวกขึ้น
ภายในศูนย์ควบคุม (Control Center) ของ iOS 18 ได้มีการยกเครื่องใหม่ ทั้งดีไซน์ให้มีความโค้งมากขึ้น และเปิดให้ผู้ใช้สามารถจัดเรียงปุ่มลัดในการตั้งค่าต่างๆ ตามที่เราใช้งานเป็นประจำมากขึ้น อย่างการเข้าถึงโปรแกรมจับเวลา นาฬิกานับถอยหลัง โหมดสแกน QR Code การบันทึกภาพหน้าจอ
ไปจนถึงการเพิ่มหน้าต่างใหม่สำหรับควบคุมมีเดีย ทั้งเพลง หรือวิดีโอ ที่กำลังเปิดอยู่ แยกออกมาเป็นหน้าต่างเฉพาะ มีหน้าต่างสำหรับควบคุมอุปกรณ์ IoT ภายในบ้านจากแอป Home และหน้าต่างสุดท้าย เป็นแถบควบคุมการเชื่อมต่อทั้งการตั้งค่าเปิดรับ AirDrop การเชื่อมต่อ ไวไฟ โมบายดาต้า บลูทูธต่างๆ
***ล็อกแอปซ่อนแอปไม่ให้รู้ว่ามี
อีกหนึ่งการอัปเดตสำคัญที่ผู้ใช้งานหลายๆ คนอยากให้มีนานแล้ว คือการตั้งให้ตัวเครื่องสามารถล็อกแอป หรือซ่อนแอป ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าติดตั้งอยู่ในเครื่องได้ โดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน อย่างแอปธุรกรรมทางการเงินต่างๆ
การล็อกแอปจะเป็นการเปิดใช้งานการสแกนใบหน้า (FaceID) หรือการป้อนรหัสผ่าน (Passcode) เพื่อเข้าถึงแอปที่ล็อกอยู่ รวมถึงเลือกได้ว่าจะให้ซ่อนแอปที่ล็อกออกจากหน้าจอหลักไปเลย ซึ่งจะมาช่วยป้องกันเวลาที่ยื่นโทรศัพท์ให้ผู้อื่นใช้งาน ก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะไปเข้าใช้งานแอปที่มีข้อมูลส่วนตัวอยู่
ทั้ง 3 ส่วนนี้ ถือเป็นคุณสมบัติไฮไลต์ของ iOS 18 ที่เมื่อผู้ใช้งาน iPhone อัปเดตแล้ว จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง แต่จริงๆ แล้วภายในแอปที่ติดตั้งมากับเครื่องยังมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกอย่างเช่น
ในแอปรูปภาพ (Photos) มีการจัดรูปแบบการแสดงผลใหม่ ที่ช่วยให้เข้าถึงภาพในความทรงจำต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไล่ตั้งแต่ส่วนของอัลบั้มภาพหลัก สามารถเลือกซ่อนการแสดงภาพแคปหน้าจอออกไป ทำให้อัลบั้มที่แสดงผลมีเฉพาะรูปภาพจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่สลิปโอนเงินล้นๆ บนแอป
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกลุ่มรูปภาพตามสถานที่ เหตุการณ์สำคัญอย่างทริปที่เดินทางไปท่องเที่ยว สามารถเลือกค้นหาภาพเฉพาะบุคคลที่ต้องการ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงได้ เพียงแค่ใช้การเสิร์ชในแถบค้นหา
ขณะที่ในแอปจดบันทึก (Notes) จะเพิ่มความสามารถในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์เข้ามาใช้งานได้ทั้งบน iPhone และ iPad รวมถึงความสามารถในการบันทึกเสียงขณะที่จดข้อมูลอยู่ด้วย ทำให้ใช้งานได้สะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการจดบันทึกมากขึ้น
ส่วนผู้ที่ใช้งาน iPhone คู่กับเครื่อง Mac ไม่ว่าจะเป็น MacBook หรือ iMac ในการอัปเดต iOS 18 พร้อมกับ macOS Sequoia จะเพิ่มความสามารถในการสะท้อนภาพหน้าจอ (iPhone Mirroring) ที่ล็อกอินใช้งาน Apple ID เดียวกัน ทำให้สามารถควบคุม iPhone ที่วางทิ้งไว้จากเครื่อง Mac ได้ทันที
แน่นอนว่า ฟีเจอร์ที่ปรับปรุงเพิ่มเข้ามาเหล่านี้ ถือว่าเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของ iOS 18 เท่านั้น เพราะในอนาคตเมื่อมีการอัปเดต iOS 18.1 ที่มาพร้อม Apple Intelligence ก็จะมีความสามารถที่เพิ่มขึ้นให้ได้ใช้งานกันอีก
เพียงแต่ด้วยข้อจำกัดของการประมวลผลอุปกรณ์ที่ Apple ประกาศว่าจะรองรับการใช้งาน Apple Intelligence ในตอนนี้มีเฉพาะ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max รวมกับ iPad ที่ใช้ชิปเซ็ต Apple Silicon เท่านั้น ทำให้อาจจะยังไม่ใช่คุณสมบัติที่ทุกคนเข้าถึงใช้งานได้
ฟีเจอร์ทั้งหมดที่เพิ่มมาใน iOS 18 ที่กล่าวถึงนี้ ผู้ใช้งาน iPhone ตั้งแต่ iPhone XS / iPhone XR หรือรุ่นที่ปัจจุบันใช้งาน iOS 17 อยู่ สามารถใช้งาน iOS 18 ได้ครบถ้วนแน่นอน