xs
xsm
sm
md
lg

จับเทรนด์ ‘หุ่นยนต์บริการ’ ภาคธุรกิจหันใช้ลดต้นทุน (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังประเดิมทำตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาดให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และโรงพยาบาลของ ‘Metthier’ ที่แต่เดิมมีพื้นฐานจากการให้บริการยาม และแม่บ้านทำความสะอาด แต่เมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้สามารถขยายธุรกิจไปได้กว้างขึ้น

เทรนด์ของการนำหุ่นยนต์ และ AI มาใช้งาน ได้เข้ามาช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการของเมทเธียร์ ที่แม้ว่าในช่วงแรกจะมีต้นทุนของหุ่นยนต์ที่สูง แต่กลับกันในระยะยาวจะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมกับได้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น

รูปแบบการทำตลาดที่น่าสนใจของเมทเธียร์ คือไม่ได้แค่ขายเฉพาะหุ่นยนต์บริการ แล้วปล่อยให้ทางภาคธุรกิจนำไปใช้งาน หรือบริหารจัดการเอง แต่ใช้รูปแบบของโซลูชันแบบครบวงจร เพราะพื้นฐานของบริษัทมีให้บริการตั้งแต่แม่บ้าน ยาม ไปจนถึงแพลตฟอร์มบริหารจัดการอาคาร ทำให้ทุกอย่างสามารถควบคุมได้


ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด ให้ข้อมูลว่า ในการให้บริการหุ่นยนต์ เมทเธียร์ เริ่มต้นจากโครงการที่นำหุ่นยนต์เข้าไปทำความสะอาดภายในศูนย์ราชการ ก่อนขยายไปยังโรงพยาบาลในเครือรามกรุ๊ป ที่คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 10 แห่ง ทำให้เห็นถึงเทรนด์ในการนำหุ่นยนต์ พร้อม AI มาช่วยดูแล

“ด้วยการที่เบื้องหลังของเมทเธียร์คือบริษัทเทคโนโลยีมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว ทำให้สามารถนำหุ่นยนต์เข้ามาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเพิ่มเติม พัฒนาแอปพลิเคชันให้บรรดาแม่บ้าน และยามเข้าถึง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยลดต้นทุนให้แก่ภาคธุรกิจ”

ขณะเดียวกัน ยังได้เริ่มนำหุ่นยนต์ลาดตระเวนมาทดสอบใช้งานภายในห้างสรรพสินค้า ด้วยการนำจุดเด่นของหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ พร้อมกล้องวงจรปิด เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาหนาแน่น เพื่อช่วยป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด

พร้อมกับนำ AI อย่างการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าเข้าไปสแกนบุคคลผู้ต้องสงสัย โดยใช้ข้อมูลจากทางห้างมาประกอบในกรณีที่พบบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยจะส่งสัญญาณไปยังห้องควบคุมเพื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวังเพิ่มเติมได้แบบเรียลไทม์


ไม่ใช่เฉพาะหุ่นยนต์เคลื่อนที่เท่านั้น แต่ในฝั่งของการลาดตระเวน ยังมีเทคโนโลยีอย่างโดรนขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ตรวจสอบพื้นที่ภายในโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานผลิตต่างๆ ที่สามารถตั้งเวลาในการลาดตระเวน ลดปริมาณเวรยามที่เฝ้าโรงงานลง พร้อมกับพัฒนาทักษะของยามเพิ่มเติมมาช่วยในเรื่องของการควบคุมโดรน หรือปรับหน้านี้ให้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเริ่มนำไปทดสอบใช้งานที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนของหุ่นยนต์บริการที่ค่อนข้างสูงระดับหลายแสนบาท ทำให้ปัจจุบันภาคธุรกิจยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งาน ร่วมกับโซลูชันต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มของการเฝ้าระวังที่สามารถผสมผสานการทำงานระหว่างหุ่นยนต์ลาดตระเวน กับกล้องวงจรปิดในบางพื้นที่ ช่วยให้ต้นทุนของบุคลากรรักษาความปลอดภัยลดลง

โดยหลังจากเริ่มทำตลาดมา 1 ปี เมทเธียร์ เริ่มได้รับความคิดเห็นจากลูกค้าที่ใช้งานในเรื่องของประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่ลูกค้าจะใช้งานต่อเนื่อง ขณะที่แผนในช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ จะเน้นนำข้อมูลจากการให้บริการมาวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น

“เป้าหมายในช่วงปลายปีนี้คือการเข้าไปช่วยลดต้นทุนแม่บ้าน อุปกรณ์ ที่เดิมมีสัดส่วนค่าใข้จ่ายอยู่ราว 5-10% แต่เชื่อว่าสามารถลดลงมาให้เฉลี่ยอยู่ที่ราว 5% ได้ เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้”

รวมถึงแผนในการขยายไปให้บริการในภาคเหนือ และภาคตะวันออก ด้วยการนำสำนักงานของ SEMCO (รักข์สยาม) ที่เชียงใหม่ และชลบุรีมาเป็นศูนย์เพื่อต่อยอดไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ

“ด้วยสภาพเศรษฐกิจในเวลานี้ ทำให้ทุกคนเริ่มมองหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยประหยัดต้นทุน โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มธุรกิจที่เมทเธียร์ ตั้งใจเข้าไปให้บริการทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ภาคการศึกษา อุตสาหกรรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สถาบันการเงิน และอาคารสำนักงาน”

ส่วนแผนที่วางไว้ในช่วงปีหน้าจะเริ่มเข้าไปบริหารจัดการในธุรกิจขนเงิน ที่แต่เดิมให้พนักงานวางเส้นทางเอง แต่ในความเป็นจริงสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการให้เหมาะสมที่สุดได้ หรือแม้แต่การพัฒนาแอปมาช่วยดูแลในเรื่องของระยะเวลาการเข้าออกงาน บริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้งานภายในอาคารสำนักงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสามารถขยายธุรกิจเดิมให้ครอบคลุมมากขึ้น อย่างการทำความสะอาดกระจกสูง หรือแม้แต่หุ่นยนต์ทำความสะอาดภายนอกอาคาร บนพื้นฐานของการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเสริมประสิทธิภาพ เพื่อให้หุ่นยนต์ และแพลตฟอร์มทำงานได้


กำลังโหลดความคิดเห็น