ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ทำความสะอาดของ Xiaomi ปัจจุบันจะมีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ที่เน้นความสะดวกในการใช้งานเพื่อดูดฝุ่นถูพื้นอย่างเดียวในช่วงราคาประมาณ 5,000 บาท ก่อนขยับขึ้นมาเป็นรุ่นระดับกลางที่เพิ่มเทคโนโลยีการนำทางเข้ามา ในราคาราว 9,000 บาท และรุ่นท็อปที่มาพร้อมแท่นทำความสะอาดในช่วงหมื่นกลางๆ
แน่นอนว่าในรุ่นระดับกลางอย่าง Xiaomi Robot Vacuum S10 และ S10+ นับเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยม เพราะตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการทำความสะอาด และความอัจฉริยะที่นอกจากการสร้างแผนที่ในการทำความสะอาดแล้ว ยังเพิ่มเติมในแง่ของเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งของเพื่อหลีกเลี่ยงบางพื้นที่ในการทำความสะอาดด้วย
จุดเด่นของ Xiaomi Robot Vacuum S10 คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้นที่ให้แรงดูดสูงสุดที่ 4,000 Pa พร้อมเลเซอร์ LDS ช่วยให้สแกนพื้นที่ ทำให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดได้แม่นยำขึ้น และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 130 นาที จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ราว 50-100 ตารางเมตร ในราคา 9,990 บาท
ข้อดี
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น ที่มีระบบควบคุมความชื้นอัตโนมัติ
โหมดเทอร์โบ ให้พลังในการดูดสูงถึง 4,000 Pa
ถังเก็บฝุ่น แปรง และผ้าถูพื้น สามารถถอดทำความสะอาดได้
เซ็นเซอร์ LDS ช่วยตรวจจับพื้นที่ในการทำความสะอาด ร่วมกับแอป Mi Home
ข้อสังเกต
ถังเก็บฝุ่นเป็นแบบ 2-1 ร่วมกับถังใส่น้ำ ทำให้มีขนาดเล็กต้องเทฝุ่นบ่อยๆ
การถอดผ้าถูพื้นเวลาชาร์จต้องยกเครื่องออกมาก่อน
ถ้าใช้งานในพื้นที่กว้างควรเลือกรุ่นที่มีแท่นเก็บฝุ่นอัตโนมัติ
ตัวช่วยทำความสะอาดบ้าน
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น-ถูพื้นอัตโนมัติ ได้กลายเป็นหนึ่งในแก็ดเจ็ตที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแง่ของการดูแลทำความสะอาดบ้าน หรือห้องในคอนโดฯ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรุ่นตั้งแต่ราคาไม่กี่พันบาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ทำให้การเลือกใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสักเครื่องต้องนอกจากเรื่องงบประมาณแล้ว ต้องดูรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานด้วย
Xiaomi Robot Vacuum S10 นับเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในรุ่นกลางๆ มีความโดดเด่นเพิ่มเติมจากรุ่นเริ่มต้นในแง่ของการมีเซ็นเซอร์ LDS ช่วยให้สามารถแบ่งพื้นที่ในการทำความสะอาดได้ เพิ่มเติมจากรุ่นเริ่มต้นที่จะเน้นการวิ่งทำความสะอาดไปมาตามที่กำหนด ดังนั้นจึงเหมาะกับห้องที่มีขนาดกลางๆ หรือมีพื้นที่กว้างที่เชื่อมต่อไปยังห้องอื่นๆ ภายในบ้านด้วย
โดยตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum S10 จะมาในดีไซน์มาตรฐานทรงกลม ที่จะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับอยู่รอบตัว ทั้งอินฟราเรดในการตรวจสอบสิ่งกีดขวาง รวมถึงกันชน ที่เป็นลักษณะของบัมเปอร์รับแรงกระแทก เพื่อทำความสะอาดตามริมห้อง โดยจะทำงานร่วมกับเลเซอร์ LDS ที่อยู่ด้านบนช่วยวัดระยะทางจากสิ่งกีดขวาง ที่สามารถสแกนได้ไกลถึง 8 เมตร
ดังนั้น นอกจากเรื่องของการทำความสะอาดทั่วไปแล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ยังสามารถสร้างแผนที่ภายในบ้านเพื่อกำหนดจุดในการทำความสะอาด หรือการกั้นพื้นที่ไม่เข้าไปทำความสะอาดในบางจุด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสายไฟ เพื่อป้องกันการติดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เนื่องจากในรุ่นนี้ยังไม่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งของร่วมกับ AI มาช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงวัตถุต่างๆ ได้
ตัวเครื่องของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะมีขนาดอยู่ที่ 350 x 94.5 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 4.8 กิโลกรัม ซึ่งหมายความว่าถ้ามีตู้ หรือชั้นวางของที่มีความสูงเกิน 10 เซนติเมตร หุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้ยังสามารถเข้าไปทำความสะอาดใต้ตู้ได้ด้วย แต่ถ้าช่องว่างมีขนาดต่ำกว่านั้น แนะนำให้กำหนดจุดห้ามเข้าไปทำความสะอาดเพิ่มเติมภายในแอป Mi Home เพื่อป้องกันหุ่นยนต์เข้าไปติดด้วย
อุปกรณ์ที่ให้มาด้วย
สำหรับภายในกล่องของ Xiaomi Robot Vacuum S10 นอกจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแล้ว จะมีแปรงปัดฝุ่นที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน พร้อมแปรงสำรองไว้เปลี่ยน นอกจากนี้ จะมีถังน้ำและถังเก็บฝุ่นแบบ 2-1 ที่ติดตั้งด้วยการเปิดฝาเครื่องขึ้นมาและสวมลงไป มีฝาครอบแปรง แผ่นถูพื้นที่สามารถถอดซักได้ และโครงชุดถูพื้นมาให้ด้วย
ส่วนแท่นชาร์จที่ให้มาจะเป็นแบบแม่เหล็ก พร้อมกับอะแดปเตอร์ ที่สามารถวางไว้กับพื้นโดยไม่ต้องยึดติด เนื่องจากที่ตัวหุ่นยนต์จะใช้เซ็นเซอร์อินฟราเรดช่วยในการระบุตำแหน่งเวลากลับแท่นชาร์จอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องยึดสติกเกอร์ติดกับพื้นแต่อย่างใด
การใช้งาน
ในส่วนของการใช้งาน Xiaomi Robot Vacuum S10 ถือว่าเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีความฉลาดพอตัว ทั้งการสร้างแผนที่เพื่อทำความสะอาด โดยผู้ใช้สามารถเลือกทำความสะอาดเฉพาะจุด เลือกห้องที่ต้องการ หรือแม้แต่การกันโซนไม่ให้เข้าไปทำความสะอาด ซึ่งใช้การควบคุมผ่านแอป Mi Home
ภายในแอปยังสามารถใช้ระบุตำแหน่งของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น รวมถึงการปรับโหมดในการทำความสะอาด ทั้งการดูดฝุ่นอย่างเดียวในความแรงระดับต่างๆ และเลือกถูพื้นที่ใช้ปริมาณน้ำมากแค่ไหน ซึ่งควรตั้งค่าให้เหมาะกับพื้นห้องที่ใช้งานด้วย เนื่องจากถ้าเป็นพื้นลามิเนต หรือพื้นไม้จะไม่แนะนำให้ถูพื้นแบบเปียกเกิน เพราะจะทำให้พื้นบวมได้
ความฉลาดของเซ็นเซอร์ที่ให้มายังเข้าไปช่วยในเรื่องของการตรวจจับวัตถุต่างๆ ในพื้นที่ทำความสะอาดด้วย อย่างเช่นตามปกติแล้วเส้นทางในการทำความสะอาดจะคำนวณจากแผนที่ล่วงหน้า แต่ถ้ามีการนำวัตถุมาวาง แล้วเซ็นเซอร์ตรวจพบขณะทำความสะอาดก็จะหลีกเลี่ยงวัตถุเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อจำกัดในการทำความสะอาดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น อย่างเช่นเรื่องของสายไฟที่มีโอกาสพันเข้ากับแปรงปัดฝุ่นในกรณีที่สายโยงไว้ที่พื้น หรือบริเวณใต้ตู้ที่ไม่สูงพอให้หุ่นยนต์เข้าไปทำความสะอาดได้ รวมถึงที่เจออย่างที่กั้นประตูที่หุ่นยนต์มีโอกาสเข้าไปติดได้เพราะเซ็นเซอร์ตรวจจับไม่เห็น
ดังนั้น ในการใช้งานแนะนำให้มีการเคลียร์พื้นที่ จัดวางของภายในห้องที่ต้องการใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อที่ในการใช้งานจะได้สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดล่วงหน้าเวลาที่ไม่อยู่บ้าน กลับบ้านมาพื้นห้องก็จะสะอาดตลอดเวลาด้วย
สรุป
Xiaomi Robot Vacuum S10 ถือเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นในระดับราคาต่ำกว่าหมื่นที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง จากเทคโนโลยีที่ให้มาทั้ง LDS ในสแกนพื้นที่ เซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุต่างๆ รวมถึงแรงในการดูด และถูพื้นที่สามารถปรับได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งทุกอย่างสามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชัน