อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS พบธุรกิจเพียง 24% เท่านั้นที่มีการรักษาความปลอดภัยให้โปรเจกต์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่สร้างขึ้น สะท้อนความน่ากังวลท่ามกลางภาวะความนิยมนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างรวดเร็วในประเทศอาเซียน ชี้ธุรกิจจำนวนมากในอาเซียนยังมีความพร้อมไม่มากพอที่จะรักษาความปลอดภัยของโปรเจกต์ AI ซึ่งองค์กรสร้างสรรค์ขึ้นมา มั่นใจเครื่องมือและบริการใหม่การันตีได้ว่า AWS เป็นคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการสร้างแอป Gen AI
คิมเบอร์ลี ดิกสัน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านความปลอดภัยระดับโลก Amazon Web Services ไม่ได้ระบุว่าอุตสาหกรรมใดที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากช่องว่างด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ที่ใหญ่ขึ้นหลังจากธุรกิจทั่วอาเซียนมีความกระตือรือร้นในการนำ AI มาใช้ โดยอธิบายว่าผู้โจมตีในยุคนี้ไม่ได้เลือกปฏิบัติ AWS จึงมุ่งพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าองค์กรขนาดเล็กจะสามารถป้องกันภัยคุกคามได้เท่าเทียมกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่
"เมื่อเราพูดถึงเรื่องซิเคียวริตี เราไม่ควรเน้นไปที่อุตสาหกรรมหรือภาคส่วนใดโดยเฉพาะ แต่ควรจะคิดถึงภาพรวมทั้งหมด สิ่งที่ AWS ทำคือการทำให้ลูกค้าเข้าถึงชุดเครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเหล่านี้อย่างเท่าเทียม"
ตัวอย่างเครื่องมือและบริการที่คิมเบอร์ลีกล่าวถึงคือ Amazon GuardDuty Malware Protection สำหรับ Amazon S3 ซึ่งในงาน AWS re:Inforce ที่ผ่านมาได้ประกาศการปรับให้รองรับการป้องกันมัลแวร์ (Malware Protection) สำหรับ Amazon S3 ขณะที่ AWS IAM ปัจจุบันรองรับการใช้ passkeys สำหรับการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย
นอกจากนี้ AWS ยังเปิดตัวคุณสมบัติการสร้างคำถามรูปแบบใหม่ด้วยภาษาธรรมชาติสำหรับ AWS CloudTrail Lake และตอนนี้ AWS Audit Manager สามารถรองรับแนวปฏิบัติ Generative AI ที่ดีที่สุดสำหรับ Amazon SageMaker และ Amazon Bedrock แล้ว ทั้งหมดถือเป็นวิธีการป้องกันแบบหลายชั้นที่ AWS เตรียมให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปลอดภัย ในการสร้างและรันแอปพลิเคชัน Generative AI อย่างปลอดภัยเช่นกัน
เครื่องมือและบริการความปลอดภัยสำหรับการสร้างและรันแอปพลิเคชัน Generative AI ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของ AWS เห็นได้จากการสำรวจที่ AWS ได้จัดทำร่วมกับ IBM Institute for Business Value พบว่ามีเพียง 24% ของบริษัทเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของโครงการ AI ขององค์กร แปลว่าตลาดยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงในอนาคต
ไม่เพียงเครื่องมือ คิมเบอร์ลียังชี้ถึงภาวะการขาดแคลนทักษะ ซึ่งทำให้เกิดเป็นช่องว่างด้านไซเบอร์ซิเคียวริตีที่สำคัญในภูมิภาค เบื้องต้น AWS จัดการเรื่องนี้ด้วยการลงทุนในโครงการฝึกอบรม ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย AWS ได้ฝึกอบรมทักษะระบบคลาวด์แก่บุคคลมาแล้วกว่า 50,000 คนตั้งแต่ปี 2560 และตั้งเป้าที่จะเข้าถึง 100,000 คนภายในปี 2569 ผ่านโครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทย และในภูมิภาค
ในอีกด้าน AWS ย้ำว่าได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ามหาศาลในภูมิภาคเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ตัวอย่างที่สำคัญคือการลงทุน 1.90 แสนล้านบาทต่อเนื่อง 15 ปีนับจากนี้ในประเทศไทย ซึ่งจะดำเนินควบคู่ไปกับการเร่งทำงานเพื่อทำให้เครื่องมือ AI/ML เข้าถึงได้และปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าทุกขนาดในอุตสาหกรรม
