เปิดสูตรลับ 35 ล้านบาทโครงการ MA เน็ตประชารัฐ ความร่วมมือหน่วยงานรัฐ เอกชน การเมือง รวมหัวเขี่ย NT ที่เสนอราคาต่ำ 149 ล้านบาท ให้แพ้เอกชนที่เสนอราคาสูง 184 ล้านบาท ด้วยเงื่อนไขศรีธนญชัยเรื่องผลงานอ้างว่าผลงานเน็ตประชารัฐที่สร้างโครงข่ายให้บริการและบำรุงรักษาเป็นแค่หนังสือรับรองการดำเนินโครงการในลักษณะเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน ไม่ใช่หนังสือรับรองผลงานของ NT และ NT ไม่ยื่นสำเนาสัญญา เรียกได้ว่าถึงรู้เห็นว่าทำงานมาตลอด แต่ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกก็จำเป็นต้องเขี่ยทิ้ง พิสูจน์ DNA รัฐบาลเพื่อไทย อยู่ยั้งยืนยง แม้แต่สหภาพทำหนังสือท้วงติง แต่เป็นแค่เสียงกระซิบที่ไม่เคยถูกรับฟัง เปิดช่องทางทำมาหากินกับดีอี วันนี้เพียงเข้าทางมิสเตอร์ดับเบิลที ไม่ผิดหวังแน่นอน ตัวเลขอาจสูงถึง 30% แต่ฝีมือสุดๆ พิสูจน์ได้จากผลงานโครงการ MA ที่เขี่ยรัฐวิสาหกิจพ้นทางประเคนงานให้เอกชน บรรลุเป้าหมายรักษาผลประโยชน์ชาติ
เชิดชัย กัลยาวุฒิพงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการ MA เน็ตประชารัฐว่าสหภาพ NT ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.2567 เพื่อขอให้ยับยั้งการเปิดประมูลการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะและบำรุงรักษาโครงข่ายเน็ตประชารัฐและส่วนต่อขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ที่ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) หรือเรียกสั้นๆ ว่าโครงการ MA
***เสียงร้องสหภาพเป็นแค่เสียงกระซิบที่รัฐบาลเพื่อไทยเพิกเฉย
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ได้ระบุปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของ สดช. 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1.โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock เป็นโครงการของรัฐบาลในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนให้เข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมกันหรือเป็นบริการในเชิงสังคม ที่ไม่ใช่การทำธุรกิจในตลาดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม จึงไม่จำเป็นต้องนำโครงการนี้ไปประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ในเมื่อประเทศไทยมีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องมีพันธกิจในการสนองนโยบายรัฐบาลด้านสื่อสารโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในเชิงสังคม ก็ควรให้ NT เป็นผู้ดำเนินการ
2.ครม.มีมติควบรวมทีโอทีกับ กสท โทรคมนาคมก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นรัฐวิสาหกิจเดียวในการดำเนินงานที่จะสนองนโยบายรัฐบาลในด้านสื่อสารโทรคมนาคม ดังนั้น หน้าที่การบำรุงรักษาและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการงบ Big Rock จึงควรเป็นหน้าที่ของ NT โดยมี สดช.เป็นผู้กำกับดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock
3.ครม.มีมติให้ NT ดำเนินการโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock แม้การสร้างโครงข่ายจะเสร็จสิ้นก็ตาม แต่ยังมีภารกิจที่เหลือคือการบำรุงรักษาโครงข่ายและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยโครงข่ายที่จัดสร้างขึ้นยังต้องมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ยังคงมอบหมายให้ NT ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับมติ ครม.แต่การที่ สดช.นำโครงข่ายที่สร้างขึ้นนั้นไปดำเนินการจัดการประมูลเพื่อหาผู้รับจ้างมาดำเนินการแทน โดยมิได้มอบหมายให้ NT เป็นผู้ดำเนินการ อาจต้องตรวจสอบด้วยว่า การกระทำเช่นนี้จะเข้าข่ายไม่สอดคล้องกับมติ ครม.ที่เคยให้ไว้หรือไม่
4.ที่ผ่านมา NT ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างในการบำรุงรักษาและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 จนถึงปัจจุบัน เมื่อ สดช.ได้รับการจัดสรรงบประมาณก็ควรนำมาใช้หนี้ค้างจ่าย การที่ สดช.เลือกนำเงินงบประมาณไปจัดประมูลเพื่อหาผู้รับจ้างใหม่ โดยไม่ยอมใช้หนี้ค้างจ่าย ถือว่าไม่เป็นธรรมกับ NT และพนักงาน NT ที่ถูกกำหนดตัวชี้วัดในการประกอบธุรกิจให้มีกำไร แต่เมื่อดำเนินการบำรุงรักษาและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock แต่กลับไม่มีรายได้เข้า มีแต่ยอดหนี้ค้างจ่าย ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข
5.NT ได้ปรับลดยอดหนี้ค้างจ่ายดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 จนถึงปัจจุบัน จาก 6,390 ล้านบาท เหลือ 5,500 ล้านบาท ที่เรียกเก็บจาก สป.ดศ. หรือสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจาก NT ตระหนักถึงภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานและสนับสนุนภารกิจของ สป.ดศ.ในการดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่ประชาชนตามโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock ในขณะที่หน่วยงานรัฐกลับปิดกั้นโอกาสไม่ให้ NT เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อประโยชน์ทางด้านสังคมและคุณภาพชีวิตประชาชน ที่ไม่ใช่ภาคธุรกิจที่มีการแข่งขันในตลาด
6.ทรัพย์สินของโครงข่ายในโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock ติดตั้งในอาคารของ NT (พื้นที่ชุมสาย) ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ต้องมีมาตรการควบคุมคนเข้าออก เพื่อความปลอดภัยของโครงข่าย (Network Security) และความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสารที่ให้บริการบนโครงข่าย NT หากให้ผู้รับจ้างเอกชนรายอื่นเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามเพื่อดำเนินการบำรุงรักษาและการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock จะส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของโครงข่ายของ NT และนำไปสู่ความเสียหายต่อ NT หากมีการเจาะโครงข่ายซึ่ง NT แบกรับไม่ไหวและกระทบต่อชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการ (Network Provider) ด้านสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศและความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการด้วย
นอกจากนี้ จำนวนอุปกรณ์โครงข่าย เช่น อุปกรณ์ Switch ในโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock ติดตั้งกระจายในห้องชุมสายของจังหวัดต่างๆ ของ NT มากกว่า 2 หมื่นอุปกรณ์ ไม่สะดวกที่จะให้บุคคลภายนอกเข้าถึงอุปกรณ์ Switch จำนวนมากมายขนาดนั้นในพื้นที่หวงห้ามของ NT และหากให้ผู้รับจ้างรายอื่นดำเนินการแทน NT ดังนั้น NT คงต้องคิดค่าเช่าพื้นที่ในการติดตั้งและค่าไฟฟ้าที่ใช้งานกับอุปกรณ์ทั้งหมดของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับรัฐที่จะตั้งงบประมาณมาจ่ายให้ NT อีกเช่นเคย
7.การให้ผู้รับจ้างเอกชนมาดำเนินการบำรุงรักษาอุปกรณ์โครงข่ายแทน NT ด้วยการมอบกุญแจตู้ที่ติดตั้งภายนอกอาคารและการเข้าพื้นที่ชุมสายของ NT มีความเสี่ยงที่จะเกิดการลักลอบเชื่อมติดตั้งอุปกรณ์นำเข้าทราฟฟิกเถื่อนมาวิ่งบนโครงข่ายของโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock อันเป็นทรัพย์สินของรัฐที่ สดช.เป็นผู้กำกับดูแล
***เปิดสูตรลับผลประโยชน์ 35 ล้านบาท
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคมระบุว่า ตอนนี้เกิดเสียงร่ำลือของพ่อค้าในวงสื่อสารโทรคมนาคมที่พูดกันไปทั่วว่าหากอยากได้งานในกระทรวงดีอี ให้ติดต่อมิสเตอร์ดับเบิลทีรับรองไม่ผิดหวัง เพียงแต่ตัวเลขอาจจะสูงถึง 30% ผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนตำตา ฝีมือเด่นขนาดเขี่ยรัฐวิสาหกิจที่ทำงานโครงการนั้นมากว่า 5 ปี ให้กระเด็นหลุดวงโคจร ด้วยการเขียนทีโออาร์เรื่องผลงานของโครงการ MA เน็ตประชารัฐ ตามสูตรลับเดิมพันผลประโยชน์อย่างต่ำ 35 ล้านบาทที่เป็นส่วนต่างของราคาที่ NT เสนอ 149 ล้านบาทกับเอกชนที่ชนะประมูลราคา 184 ล้านบาท
‘ความจริงใจของคนที่เกี่ยวข้องคือยึดตัวหนังสือเรื่องผลงานที่ตีความเข้าข้างตัวเองแบบศรีธนญชัย ปรับให้ NT ตกทั้งๆ ที่ทำงานมาแล้ว 5 ปี แล้วไปเลือกเอกชนแลกกับส่วนต่าง 35 ล้านบาท’
แหล่งข่าวกล่าวว่า สูตรลับ 35 ล้านบาทโครงการ MA เน็ตประชารัฐครั้งนี้ วิธีการคือมีความเป็นไปได้สูงที่เอกชนที่มีความชำนาญมากกว่าผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของ สดช. จะร่วมมือประสานหรือขอข้อชี้แนะในการเขียนทีโออาร์ เพื่อหาช่องทางกีดกันบางหน่วยงานที่ไม่ต้องการให้ได้งานนี้ ซึ่งเรื่องผลงานมักใช้เป็นเหตุผลในการปรับตกหลายๆ โครงการที่ผ่านมา ลำพังแค่หน่วยงานเจ้าของงบประมาณกับเอกชน ไม่สามารถดันโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ จำเป็นต้องมีคนข้างกาย รมว.ดีอี ที่รู้จักกันดีในวงการว่า ‘ดับเบิลที’ เข้ามาเป็นข้อต่อในงานนี้ แว่วว่าทำกระทั่งมีการข่มขู่ผู้บริหาร NT ให้ยอมจำนนอย่ากระดิกกระเดี้ยเคลื่อนไหวเด็ดขาด
***NT โชว์ผลงานที่แพ้ศรีธนญชัย
ในส่วนผลงานที่ NT ถูกตีตก ประกอบด้วย 1.หนังสือรับรองที่ออกโดยสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วันที่ 25 ส.ค.2566 เพื่อรับรองว่า NT ได้รับมอบหมายจากสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้เป็นผู้ดำเนินการโครงการในลักษณะเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน 2 โครงการ คือ 1.ขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (โครงการเน็ตประชารัฐ) ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2560 ใช้งบประมาณดำเนินการจริงเป็นเงิน 9,830 ล้านบาท 2.โครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากโครงข่ายภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐไปยังโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสุขศาลาพระราชทานในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 1,671 แห่งดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อ 31 มี.ค.2563 งบประมาณ 402 ล้านบาท และดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสื่อสัญญาณเคเบิลใยแก้วนำแสงพร้อมบำรุงรักษาโครงข่าย และบริการจัดการระบบโครงการเน็ตประชารัฐและโครงการงบ Big Rock สิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค.2565 โดย NT ได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการทุกประการ
2.หนังสือรับรองที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ลงวันที่ 29 มี.ค.2566 เพื่อรับรองว่า NT เป็นผู้ให้บริการโครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2565 เป็นจำนวนเงิน 172 ล้านบาท ตามสัญญาเลขที่ 13/2565 ลงวันที่ 27 เม.ย.2565 ครบกำหนดอายุสัญญาวันที่ 1 ต.ค.2565 โดย NT ได้ดำเนินการตามขอบข่ายที่กำหนดและได้ตรวจรับงานเป็นที่เรียบร้อย
3.หนังสือรับรองผลงานจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 25 ก.ย.2566 เพื่อรับรองว่า NT เป็นผู้ให้เช่าใช้บริการโครงการจัดหาวงจรใช้บริการ NT MPLS บริการโทรศัพท์แบบ SIP Trunk บริการ NT Corporate Internet และอุปกรณ์ควบคุมและบริการจัดการสำหรับการเข้าถึงทรัพยากรระบบจากระยะไกล (SSL-VPN) และระบบ Backbone แบบ Fiber Optic สำหรับอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อใช้ในกิจการของธนาคาร ติดตั้งทั้งในส่วนกลางที่สำนักงานใหญ่ ศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง และส่วนภูมิภาคที่สำนักงานเขตทั่วประเทศ โดยสัญญามีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2565 เป็นระยะเวลา 60 เดือน เป็นจำนวนเงิน 65 ล้านบาทตามสัญญาเช่า เลขที่ สญบพ. 016/2565 ลงวันที่ 31 มี.ค.2565
‘สามัญชนทั่วไปเมื่อเห็นหนังสือรับรองทั้ง 3 ฉบับก็รู้แล้วว่า NT มีประสบการณ์ มีผลงาน ทำงานสำเร็จแล้วเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับใช้ไม่ได้ในยุครัฐบาลเพื่อไทย’
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตลกร้ายของคณะกรรมการพิจารณาผล และการตอบกลับจากนางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน สรุปได้ว่า 1.หนังสือรับรองจากสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหนังสือรับรองการดำเนินโครงการในลักษณะเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน ไม่ใช่หนังสือรับรองผลงานของ NT และ NT ไม่ยื่นสำเนาสัญญา
‘เรียกได้ว่าศรีธนญชัยกลับชาติมาเกิด ถ้าเปลี่ยนหัวหนังสือเป็นรับรองผลงานก็จบแล้วใช่หรือไม่ ทำงานจนเสร็จ บำรุงรักษาเรียบร้อย แต่ไม่สนใจ จะตีความตามตัวอักษรแค่นั้น’
2.หนังสือรับรองจาก สดช. ไม่ใช่ผลงานการให้บริการบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นการให้บริการซึ่งอุปกรณ์เป็นของผู้ให้บริการ มิได้เป็นของคู่สัญญา เป็นการเช่าใช้บริการ
3.หนังสือรับรองจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่สิ้นสุดไม่นับเป็นผลงาน
‘ทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นกระบวนการสมคบคิด เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี ที่การนิ่งเฉยก็เหมือนกับการยอมรับ ตัวละครครบถ้วนทั้งภาครัฐกับเอกชน ที่สำคัญถึงแม้ความเสียหายที่หายเข้ากระเป๋าใครไม่รู้อย่างน้อย 35 ล้านบาท อาจจะไม่มากแต่มันเป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลเพื่อไทยยังมี DNA เพื่อไทยเต็มเปี่ยม อาจไม่ต้องรอปี 68 แค่สิ้นปีนี้ NT ก็อาจเอาตัวไม่รอดด้วยฝีมือรัฐบาลนี้’