เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) จัดงาน MFEC Inspire - Transforming IT Challenges into Future Competitive Advantage ตั้งเป้าฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี ชูกลยุทธ์ผสานโซลูชันไอที พร้อมเดินหน้าส่ง 3 คอร์โซลูชัน ผนึกกำลังบริษัทลูกช่วยภาคธุรกิจรับมือการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้รวดเร็วและยั่งยืน ย้ำเห็นสัญญาณด่วนที่องค์กรธุรกิจไทยต้องตื่นตัวในการหาโซลูชันเพื่อปลดล็อกจากพิษซอฟต์แวร์ไอทีแห่ขึ้นราคา
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การไม่มีประเทศไทยในกระบวนการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก ทำให้ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์จำยอม เมื่อมีการปรับขึ้นราคาซอฟต์แวร์หรือมีการปิดกั้นการใช้งาน ภาวะนี้ถือเป็นสัญญาณเร่งด่วนให้องค์กรธุรกิจไทยต้องตื่นตัวในการหาโซลูชันเพื่อปลดล็อกจากพันธนาการเหล่านี้ เบื้องต้นมองว่าโซลูชันที่จำเป็นต่อองค์กรไทยคือกลุ่ม Realtime connected data, Data Strategy และ People
"ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาต้นทุนทางด้านไอทีมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 100% พุ่งสูงกว่ากำไรสุทธิ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ประเทศไทยมีอัตราดอกเบี้ยเฟ้อสูง สาเหตุเกิดจาก Product Vendor ขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องมากถึง 40% ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 200-300% ในซอฟต์แวร์หลายตัว และการที่ธุรกิจส่วนใหญ่หันมาใช้ Cloud ภายใต้จุดประสงค์ในการลดต้นทุนแต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้ามเนื่องจากต้นทุนที่แพงขึ้นจากต้นทุนแฝง เช่น ค่าใช้จ่ายในการ subscription ที่ขึ้นทุกปี รวมไปถึงกระแสการใช้ AI ในปัจจุบันที่กำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในกระบวนการของ AI ทั้งหมดไม่มีประเทศไทย"
บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด หรือ MFEC วางตัวเองเป็นผู้นำด้านไอทีครบวงจร การจัดงาน MFEC Inspire - Transforming IT Challenges into Future Competitive Advantage นั้นมีการประกาศเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี กลยุทธ์ที่ใช้คือการผสานโซลูชันไอทีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีผ่านการร่วมมือกับบริษัทในเครือภายใต้แนวคิดในการผนวกจุดแข็งของแต่ละหน่วยธุรกิจในการออกแบบโซลูชันไอที และสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้ครบทุกมิติ เพื่อให้ภาคธุรกิจพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
MFEC อธิบายว่าในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล้วนสร้างความท้าทายให้องค์กรธุรกิจในการก้าวให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ผนวกกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่ผลักดันไปสู่การวางกลยุทธ์และกระบวนการที่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพหรือประสิทธิภาพขององค์กร และมีเป้าหมายในการประหยัดพลังงานเพื่อความยั่งยืน ส่งผลให้องค์กรธุรกิจมองหาโซลูชันที่ช่วยลดต้นทุนด้วยแพลตฟอร์มที่พร้อมใช้งาน
ที่ผ่านมา MFEC มุ่งดำเนินธุรกิจด้วย Purpose-Driven Business โดยมองภาพรวมการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไอทีระดับโลก สะท้อนกลับมาในภาพของประเทศไทยให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของ MFEC โดยที่จะต้องตระหนักถึงการแก้ปัญหาให้ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ Purpose-Driven Business อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการเลือกสรรเทคโนโลยี ผ่าน 3 Core Solution ประกอบไปด้วย Cost Optimization, Generative Al และ Sustainability
ในส่วน Cost Optimization จะครอบคลุมการออกแบบกลยุทธ์และกระบวนการที่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานโดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพหรือประสิทธิภาพขององค์กร เป้าหมายหลักคือเพื่อเพิ่มผลกำไรและสร้าง Shareholder Value สำหรับด้าน IT ส่วนด้าน Generative Al จะเป็นกระบวนการที่องค์กรนำไปใช้เพื่อผนวกรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับกลยุทธ์และการดำเนินงาน คือเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มผลกำไรต่อธุรกิจ ขณะที่ Sustainability คือการมอบตัวช่วยมองหาเงินสนับสนุนใหม่ๆ จากนักลงทุน เพื่อความยั่งยืนแก่ธุรกิจของลูกค้า
"ด้วยประสบการณ์กว่า 27 ปีในวงการไอที เราเห็นถึงจุดย้อนศรของราคาต้นทุนของ Technology และ Net Profit ที่ลูกค้าได้ยังสวนทางกันอยู่ ในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นแต่กำไรไม่สูงตาม ทำให้ต้องเร่งหาโซลูชันที่จะช่วยลูกค้าลด IT cost ด้วยการออกแบบโซลูชันและกระบวนการลดต้นทุน รวมถึงการนำ Generative AI ที่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยยกระดับความสามารถขององค์กรได้ การให้องค์กรสามารถเข้าถึง Gen AI ในวงกว้าง นำไปสู่ความสามารถอย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดียิ่งขึ้น"
สำหรับงาน MFEC Inspire - Transforming IT Challenges into Future Competitive Advantage นอกจากการรวบรวมและออกแบบ 3 Core Solution อย่าง Cost Optimization, Generative AI, และ Sustainability แล้วในงานยังมี AI transformation club - Networking Club สำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนา AI แต่มีทรัพยากรจำกัด โดยรวบรวมความเชี่ยวชาญขององค์กรต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่ง MFEC เคลมว่าจะยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนา AI ได้ถึง 10 เท่า โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำลงกว่า 90% เชื่อว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยได้ด้วยเทคโนโลยีที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับรากฐานอย่าง Infrastructure จนถึงระดับ Cloud Technology