xs
xsm
sm
md
lg

6 ซีอีโอบิ๊กเทคคารวะ AI พลิกธุรกิจพีซีรอบ 30 ปี (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



6 หัวเรือใหญ่จับเข่าคุยอย่างออกรสในงาน HP Amplify 2024 ที่ลาสเวกัสช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งซีอีโอจาก Intel, Google, Microsoft, Qualcomm, Nvidia และ AMD ต่างโชว์วิสัยทัศน์เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่จะมีผลต่อวงการคอมพิวเตอร์พีซีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการพลิกขึ้นมาคว้าโอกาสจากยุคทอง AI อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลค่อนข้างนิ่งมาตลอด 30 ปี

Pat Gelsinger ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Intel คือ 1 ใน 6 ซีอีโอที่ขึ้นเวทีร่วมกับ Enrique Lores ซีอีโอของ HP ผู้รับหน้าที่ซักถามถึงมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจชิปในช่วงเวลาที่ AI มีบทบาทมากขึ้น โดยซีอีโอของ Intel เชื่อว่าลูกค้าผู้ใช้พีซีนั้นมีความต้องการค้นพบยูสเคสการใช้งานและแอปพลิเคชัน AIใหม่ๆ ดังนั้น คนที่จะประสบความสำเร็จในช่วงเวลานี้คือคนที่สามารถช่วยให้ลูกค้าค้นพบยูสเคสที่ต้องการ



***ยูสเคสค้าปลีกต้องมา


Enrique Lores ซีอีโอของ HP
สิ่งที่ Pat Gelsinger ย้ำคือคนวงการพีซีควรคิดให้แตกว่าจะทำอย่างไรให้ยูสเคสที่ “ฟังดูค่อนข้างดี” นั้นเกิดขึ้นได้จริงในสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ตรงนี้เองที่เป็นจุดที่ทุกคนในอุตสาหกรรมพีซีจะต้องหาทางเข้ามามีพื้นที่ให้ยืนหยัดได้ ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมียูสเคส AI ด้านการผลิต หรือด้านซัปพลายเชนในห่วงโซ่อุปทาน แต่ต่อไปนี้จะเป็นยูสเคสสำหรับการค้าปลีก ซึ่งผู้ค้าในตลาดพีซีจะต้องพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อทำให้ลูกค้าผู้ใช้ประสบความสำเร็จ

Pat Gelsinger (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Intel คือ 1 ใน 6 ซีอีโอที่ขึ้นเวทีร่วมกับ Enrique Lores ซีอีโอของ HP
ในมุมของผู้พัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก ซีอีโอ Intel แสดงความคาดหวังให้ทุกคนได้ประโยชน์จาก “เทคโนโลยีสุดเจ๋ง” นี้ในบริบทของแต่ละคน และทำให้เกิดความสำเร็จที่จับต้องได้ ซึ่งหากทำให้วัฏจักรนี้ดำเนินไปได้ต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า ผู้เล่นในตลาดพีซีจะมี “ความสนุกสนาน” อย่างมากไปพร้อมกัน ทำเงินด้วยกัน คว้าส่วนแบ่งการตลาดร่วมกัน และยังทำให้ลูกค้าของทุกคนประสบความสำเร็จ

หนทางสู่ความสำเร็จอาจมีหลายทาง แต่ Satya Nadella จาก Microsoft ได้สรุปลำดับความสำคัญ 3 สิ่งเกี่ยวกับการทำธุรกิจพีซียุค AI ไว้อย่างน่าสนใจ โดยส่วนแรกคือการมุ่งกระจายการใช้เทคโนโลยีให้ทั่วถึง ซึ่งจะหมายถึงการปูพรมให้เกิดการใช้งานพีซีรุ่นใหม่ที่ถูกเพิ่มความสามารถใหม่ในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลพิเศษที่สามารถรับรู้ AI ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งบนระบบคลาวด์และเอดจ์ด้วย

ส่วนที่สองคือการโฟกัสที่การนำเครื่องมือมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Copilot หรือ Microsoft 365 ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีใช้งานแพร่หลายอยู่แล้วในปัจจุบันเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนประโยชน์ของผู้ใช้ ให้สามารถยกระดับความสามารถพีซีได้อย่างจับต้องได้ และส่วนสุดท้าย คือการดำเนินธุรกิจ AI ด้วยความรับผิดชอบ ซึ่งไม่เพียงแต่พูดถึงประโยชน์ทั้งหมดที่เทคโนโลยีใหม่จะนำมาเท่านั้น แต่บริษัทไอทีควรคิดถึงผลที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจด้วย

Satya Nadella จาก Microsoft (ขวา)
Nadella ย้ำว่าการสื่อสารถึงผลกระทบของ AI เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากข้อมูลทั้งด้านประโยชน์และผลกระทบล้วนมีความสำคัญ ซึ่งควรถูกนำมาพูดคุยเปิดเผยและพิจารณาอย่างรอบคอบไปพร้อมกัน

ด้าน Christiano Amon ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Qualcomm นั้นไฮไลต์ที่การถ่ายทอดศักยภาพของอุปกรณ์ที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ Snapdragon รุ่นล่าสุด โดยย้ำว่าจากที่ Snapdragon ปักหลักในตลาดพีซีต่อเนื่อง เวลานี้คือช่วงเวลาที่บริษัทมองเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการแจ้งเกิดอุปกรณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในตลาดพีซีระบบปฏิบัติการ Windows



***ต้องประทับใจ

CEO ของ Snapdragon มองว่าเป้าหมายใหญ่ของผู้เล่นในตลาดพีซีคือการนำความตื่นเต้นมาสู่พีซี Windows PC โดยควรพัฒนาให้พีซีถูกมองเป็นอุปกรณ์ที่ “ต้องมี” ถ้าหากคนนั้นต้องการความเท่ ซึ่งจะทำได้เมื่อพีซีเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้เร็วและน่าตื่นเต้นประทับใจได้ ขณะที่เสาหลักที่ 2 คือวงการพีซีจะต้องขับเคลื่อนประสบการณ์ AI เพื่อให้ Windows และพีซีรุ่นถัดไปมาพร้อมกับยูสเคสการใช้งานที่โดนใจ

Christiano Amon ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Qualcomm
การบ้านที่คนในวงการพีซีต้องทำคือการค้นหาความสามารถในการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดผลอย่างไร การจะมีประสิทธิผลมากขึ้นทำได้อย่างไร และไม่เพียงแต่ในการทำงานเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ชีวิตของผู้ใช้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งหากใครตอบได้ คนนั้นจะมีความสามารถในการมียูสเคสใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ทำให้พร้อมใช้งาน และทำให้ผู้บริโภคเข้าใจได้

สำหรับ Sundar Pichai จาก Google นั้นมองความก้าวหน้าของ AI วันนี้ว่าเป็นสิ่งที่ “ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต” โดยพยายามไฮไลต์ว่า Google ได้พัฒนาฟีเจอร์ AI อย่างต่อเนื่องทั้ง Gemini for Workspace และ Gemini for Business ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจากโมเดล Gemini ที่พัฒนามานาน พบว่าในระยะเวลาเพียง 3 เดือน Gemini ก็เริ่มดูล้าสมัยไปเสียแล้ว

ในฐานะผู้พัฒนา Chromebook หัวเรือใหญ่ Google ชี้ว่า Gemini จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจบริบททั้งหมดของสิ่งที่กำลังทำงานอยู่ ด้วยการถามอะไรบางอย่างได้โดยที่ Gemini จะรู้ในขณะนั้นว่าใครกำลังดูหรือฟังอะไรอยู่ ซึ่งด้วยบริบทที่ผู้ใช้มีในตอนนั้น Gemini จะสามารถมอบประสบการณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับทุกคนได้

Sundar Pichai จาก Google (กลาง)
ที่สุดแล้ว Sundar Pichai เชื่อว่านวัตกรรมที่โลกจะได้เห็นในอีก 12, 18 หรือ 24 เดือนข้างหน้านั้นจะเป็นนวัตกรรมอนาคตที่โลกอาจไม่เคยคิดฝันมาก่อน ซึ่ง Google หวังว่าจะร่วมมือกันกับพันธมิตรเพื่อนำสุดยอดประสบการณ์มาสู่ผู้ใช้

ในอีกด้าน Jensen Huang เจ้าพ่อ Nvidia กล่าวบนเวทีร่วมกับ Enrique Lores ซีอีโอของ HP ว่าการเปิดตัวพีซีพลัง AI รุ่นล่าสุดในปี 2024 เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับวงการคอมพิวเตอร์ในรอบ 30 ปี โดยนับจากการเปิดตัว Windows 1995 ปีนี้ค่ายพีซีกำลังจะเปิดตัวพีซีและเวิร์กสเตชันตระกูลใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นรากฐานของการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ของโลกในช่วงอีกหลายสิบปีนับจากนี้


***เร่งการทำงาน

หนึ่งในนวัตกรรมที่ Nvidia ทำร่วมกับพีซีของ HP คือการดึงคลังองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลหรือไลบรารีดาต้าไซแอนซ์ Nvidia CUDA-X มาไว้ใน AI PC และเวิร์กสเตชันของ HP โดยเรียกฟีเจอร์นี้ว่า HP AI Studio

Jensen Huang (ขวา) เจ้าพ่อ Nvidia กล่าวบนเวทีร่วมกับ Enrique Lores ซีอีโอของ HP
HP AI Studio จะช่วยเร่งการทำงานของนักพัฒนาเกือบ 10 ล้านคนที่ใช้ไลบรารียอดนิยมในระบบนิเวศซอฟต์แวร์ Python โดยไลบรารีดังกล่าวมีความซับซ้อนจนนักพัฒนาเคยใช้เวลาหลายชั่วโมงในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งตอนนี้สามารถทำได้ในไม่กี่นาที ทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิศวกรของ NVIDIA ที่ทำงานมานานกว่า 5 ปีในการปรับปรุงโค้ดใหม่เพื่อให้สามารถเร่งความเร็วได้ด้วย GPU ถือเป็นการปูทางให้ AI ช่วยเขียนซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น

ในภาพรวม Huang สรุปว่านี่คือยุคที่มีการคิดค้นคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ ขณะเดียวกันก็มีการคิดค้นวิธีการเขียนซอฟต์แวร์ขึ้นใหม่ และตอนนี้ต้องคิดค้นวิธีการใช้ซอฟต์แวร์ขึ้นมาใหม่ด้วย คาดว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับ LLM อื่นๆ จะเป็นทางออกของแนวโน้มในอนาคต

Lisa Su (คนขวา) จาก AMD
ขณะที่ Lisa Su จาก AMD ย้ำว่า AI นั้นแฝงตัวอยู่ในทุกที่ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ทำให้ AI มีพลังและอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่การใช้งานแทบทุกด้าน จนกลายเป็นระบบนิเวศที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เราชาวโลกกำลังเรียนรู้ร่วมกัน

Su เชื่อว่า AI ไม่ได้อยู่แค่ในระบบคลาวด์ แต่ยังอยู่ที่ขอบหรือ Edge และอยู่ในระบบออนพริมด้วย ดังนั้นสิ่งที่พีซีในยุค AI สามารถทำได้จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก และเทคโนโลยีหลักที่วงการไอทีต้องขับเคลื่อนคือเครื่องจักรที่ยอดเยี่ยมและมีสมรรถนะเหมาะสม ดังนั้น ปี 2024 จึงจะเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างจริงจัง


กำลังโหลดความคิดเห็น