'เอ้ก ดิจิทัล' ผงาด! ปี 66 โต 32% กวาดรายได้ 2,200 ล้านบาท ใน 3 กลุ่มธุรกิจ โชว์แผนปี 67 ทำเพื่อคนไทย-กระตุ้นธุรกิจ-บิวต์ประเทศ ชิงมูลค่าตลาด AI โลก ตั้งเป้าโกย 2,700 ล้านบาท โตกระฉูด 25%
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด เผยว่า เอ้ก ดิจิทัลประสบความสำเร็จในปี 66 ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 2,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 32% จากปีก่อนหน้า ผลจากการทำงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.Analytics AI and Consultation 2.Media Convergence และ 3.MarTech Solution ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้ถึง 400 แบรนด์ สำหรับปี 67 บริษัทจึงตั้งเป้าสร้างรายได้ 2,700 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 25% และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% จากมูลค่าตลาดปัญญาประดิษฐ์โลก (Global AI market) ที่คาดว่าจะสูงถึง 554,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 13-15% และมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ตามที่ McKinsey คาดการณ์ว่า AI จะสามารถเพิ่มมูลค่า GDP ของโลก ได้ถึง 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 73
ทั้งนี้ เอ้ก ดิจิทัลใช้กลยุทธ์ 2024 Deep Tech Revolution ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, Media และ MarTech จะเน้นการใช้ AI และ Generative AI เพื่อเพิ่มศักยภาพและการแข่งขันทุกมิติ ด้วยแผนงานเชิงรุก 6 ด้าน ได้แก่ 1.นำ AI เสริมศักยภาพธุรกิจ พัฒนาบริการใหม่ 2.ขยายลูกค้าทั่วโลก 3.ส่งเสริมความสามารถด้าน AI ให้บุคลากรและดึงดูดคนรุ่นใหม่ 4.ร่วมมือกับสตาร์ทอัปและมหาวิทยาลัยชั้นนำ 5.ให้โซลูชัน AI เข้าถึงได้ง่าย สนับสนุนการใช้งานแม้ไม่มีทักษะเฉพาะ และ 6.ขยายบริการที่ปรึกษาด้านมีเดียและมาร์เทคด้วย AI
"หวังว่าเราจะเป็นหนึ่งในธุรกิจของคนไทย ที่ทำเพื่อคนไทยและสร้างประเทศไทย เพราะมีบุคลากรที่เป็นคนไทย 99.99% และกว่า 50% ทำงานด้านเทคโนโลยี สนับสนุนธุรกิจให้ปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนทุกธุรกิจของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน" ดร.ธีรเดช กล่าว
นายวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Analytics AI and Consultation บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า การปรับใช้ Analytics AI กับธุรกิจมีประโยชน์อย่างมาก โดยประเทศที่สามารถเข้าถึงได้มากที่สุดในโลก ได้แก่ ประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนอยู่ที่ 45% ถัดมาคือ จีนและญี่ปุ่น อยู่ที่ 30-35% ส่วนไทยเข้าถึงได้ที่ 25-30% ซึ่งคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้าไทยจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50% แซงหน้าญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 45% ได้ เพราะขณะนี้ไทยเป็นเมืองหลวงของโลกในการเข้าถึงโซเชียลมีเดีย
"ปัจจุบันการเก็บข้อมูลอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่พบว่า เก็บข้อมูลแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะนำไปใช้งานอย่างไร ดังนั้น เอ้ก ดิจิทัล จึงตั้งเป้าหมายเพื่อปฏิวัติวงการธุรกิจด้วยโซลูชัน AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตอบสนองความต้องการของธุรกิจทุกขนาดด้วยบริการที่หลากหลาย โดยมีจุดเด่นในการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลกับ AI เพื่อสร้างบริการวิเคราะห์ข้อมูล 720 องศา"
สำหรับแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย 1.Advanced Analytics ที่เสริมศักยภาพวิเคราะห์บิ๊กดาต้าและให้คำแนะนำสำหรับกลุ่มค้าปลีก 2.Client-base Expansions ที่ขยายฐานลูกค้าสู่ธุรกิจขนาดกลางถึงเล็ก และ 3.Analytics as a Service ที่เน้นการเข้าใจโจทย์ธุรกิจเชิงลึก บริษัทแสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จาก AI ผ่าน EGG Retail Studio ด้วย 2 โซลูชันหลัก ได้แก่ EGG AI Wrap สำหรับการวิเคราะห์และสรุปข้อมูล และ EGG AI Talk ที่ให้คำตอบเฉพาะเจาะจงตามคำถามของผู้ใช้ ทั้งนี้ เทคโนโลยี Generative AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ผลลัพธ์ เอ้ก ดิจิทัล ตั้งใจเปิดตัวบริการใหม่เหล่านี้ภายในปีนี้ เพื่อยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
นายชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ในยุค Phygital ที่ผสมผสานโลกดิจิทัลและโลกจริง ผู้บริโภคแสดงความหลากหลายในพฤติกรรม (Multi-Persona) ผ่านการตัดสินใจเร็วที่เรียกว่า Micro-Moments พวกเขาเลือกเข้าร่วมกับสิ่งที่ตรงใจ นำไปสู่การเกิด Subculture และเพิ่มอิทธิพลของ Short Form VDO และอินฟลูเอนเซอร์ KOLs/KOC ด้านอื่นๆ ผู้บริโภคยังมองหา Third Place เพื่อสังคมสมาคมนอกจากบ้านและที่ทำงาน ซึ่งหน้าร้านสามารถให้ประสบการณ์ Multisensory ที่โลกออนไลน์ไม่สามารถทดแทนได้
เอ้ก ดิจิทัล จึงปรับตัวในตลาดด้วยกลยุทธ์ Media Convergence ผ่านการใช้ข้อมูล First Party Data จากพันธมิตรห้างค้าปลีกและ Third Party Data สำหรับวางแผนการตลาดที่ตอบโจทย์แบรนด์ การสร้างคอนเทนต์ตามอินไซต์ (Insight-led Creative and Communication) และการสื่อสารผ่านสื่อ O4 (Online, Out-of-Home, On-Premise, และ On-Ground Activation) เพื่อการตลาดที่เฉพาะเจาะจงและแม่นยำ กระตุ้นความต้องการผ่านอินฟลูเอนเซอร์ และเชื่อมต่อกับผู้บริโภคที่จุดขาย ส่งผลให้ Media Convergence ช่วยให้แบรนด์เพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้างกระแสในสังคมออนไลน์ ด้วยผลลัพธ์ที่โดดเด่น แบรนด์ที่ใช้บริการนี้สามารถเพิ่มอัตราผู้ซื้อได้สูงสุด 7.15 เท่า และลูกค้าที่ซื้อหน้าร้านใช้จ่ายมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับการใช้สื่ออื่นๆ
น.ส.รัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ MarTech Solution บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า ในปี 67 คาดว่าองค์กรต่างๆ จะลงทุนในเทคโนโลยีทางการตลาด (MarTech) สูงถึง 46% ของงบการตลาดในแบบ Data-Driven ใน 2 แนวทาง ได้แก่ 1.ใช้ AI และเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการตลาดและกลยุทธ์ดิจิทัลให้คู่ค้าได้แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะการใช้งาน AI และ Loyalty Platform ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้ถึง 100% และขยายจำนวนสมาชิกบน Social Media สูงถึง 30% และ 2.การเปิดตัวบริการ E-LON ซึ่งเป็นโซลูชันส่งข้อความผ่าน SMS และ LINE ที่ปรับปรุงด้วย AI เพื่อความตรงเป้าหมายและประสิทธิภาพสูงในการสื่อสาร นำไปสู่ความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ส่งและผู้รับ บริการนี้ได้รับความสนใจจากธุรกิจหลายกลุ่ม เช่น เครื่องสำอาง ยานยนต์ อาหารเครื่องดื่ม การเงิน และประกันภัย เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง