จีเอเบิล (GABLE) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 ยังแข็งแกร่งและเติบโต ชี้มีรายได้จากการขายและบริการ 5,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน ดันรายได้และแบ็กล็อกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชู Software Platform ทำเงินเป็น Growth Engine เติบโตสูง 71% จากปีก่อน แย้มแผนธุรกิจปี 2567 สร้างนิวไฮต่อเนื่อง เดินหน้ารุกธุรกิจแพลตฟอร์ม พร้อมขยายพันธมิตรทางธุรกิจ
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนและความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ปี 2566 กลุ่มบริษัทยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีรายได้จากการขายและบริการ รวมถึงแบ็กล็อกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในส่วนที่เป็น Growth Engine มีรายได้จากซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเองเพิ่มขึ้นร้อยละ 71 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน
“จีเอเบิลเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มของตนเอง (Software Platform) และมีการเติบโตในระดับสูง โดยในช่วงปี 2566 รายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 71 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงเกิน 50% และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยกลุ่มซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มถือเป็น Growth Engine ที่พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยังต่อยอดไปยังซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มด้านอื่นๆ ที่มีศักยภาพรวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Ecosystem ของกลุ่มบริษัทให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น” ดร.ชัยยุทธ กล่าว
น.ส.รวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 5,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 21 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจุบัน G-Able มองตัวเองเป็น Tech Enabler ผู้นำดิจิทัลโซลูชันชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสำหรับองค์กร ที่มีความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน IT และ Digital Solutions ที่หลากหลายและครบวงจร
หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงรายได้อื่น กลุ่มบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
นอกจากนี้ ปี 2566 กลุ่มบริษัทมีอัตราส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) เกือบครึ่งของรายได้ ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 กลุ่มบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับ 4,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 3 ปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต และมี Backlog ที่พร้อมรองรับรายได้ในปี 2567 แล้วกว่า 2,753 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของเป้าหมายรายได้ในปี 2567
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีเป้าหมายในการสร้างรายได้เติบโต 5-15% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปี 2566 โดยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 20-22% ใกล้เคียงกับปีก่อน พร้อมเป้าหมายรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) มากกว่า 50% และเป้าหมาย Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 4,500-5,500 ล้านบาท
จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และการมีวินัยทางการเงินของกลุ่มบริษัท ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนที่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนในระดับ 0.02 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 0.59 เท่า ซึ่งการมีหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทในการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพต่อการเติบโตที่สูง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.2890 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 80% ของกำไรสุทธิรวม