xs
xsm
sm
md
lg

ดีอีเปิดเคสรอบสัปดาห์ ‘หลอกให้รักแล้วโอน’ กลับมาระบาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงดีอีเผยรายละเอียดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนถูกหลอกผ่านเครือข่ายออนไลน์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท โดยเริ่มเห็นการหลอกลวงในรูปแบบของ Romance Scam หรือการหลอกให้รักแล้วโอนเงินกลับมาอีกครั้ง

น ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอี) กล่าวว่า รายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ระหว่างวันที่ 15-19 มกราคมที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงผ่านเครือข่ายออนไลน์ในหลายรูปแบบจำนวน 5 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท ประกอบด้วย

คดีที่ 1 หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) มูลค่าความเสียหาย 2 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักคนร้ายผ่านช่องทาง Facebook แล้วได้ติดต่อกันผ่านช่องทาง Line จนสนิทสนมเกิดเป็นความรัก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าจะส่งเงินและทองคำมาให้ผู้เสียหายเก็บรักษาไว้ แต่ต้องมีการชำระเงินค่าภาษีในการส่งสินค้า โดยคนร้ายบอกให้ผู้เสียหายโอนเงินดังกล่าวไปให้ก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินไปให้คนร้าย สุดท้ายไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 3.66 ล้านบาท รายละเอียดคดี คือ มิจฉาชีพโทร.เข้ามาหาผู้เสียหายอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยแจ้งว่ามีพัสดุส่งมาจากต่างประเทศเป็นสินค้าผิดกฎหมาย โดยให้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าอยู่ สภ.ภูเก็ต ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและให้เข้าแอปพลิเคชันธนาคารกรุงเทพเพื่อโอนเงินไปปลดล็อก เนื่องจากผู้เสียหายเพิ่งกลับจากเดินทางต่างประเทศจึงหลงเชื่อและได้โอนเงินไปจนหมดบัญชี มิจฉาชีพแจ้งให้ผู้เสียหายลบข้อมูลหลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 3 หลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ มูลค่าความเสียหาย 1.6 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง โทรศัพท์มาแจ้งกับผู้เสียหายว่าได้รับเงินบำเหน็จตกทอด จากนั้นได้ทำการติดต่อผ่านช่องทาง Line คนร้ายให้ผู้เสียหายติดตั้ง แอปพลิเคชันของกรมบัญชีกลางที่คนร้ายส่งมาให้เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูล ผู้เสียหาย ทำตามคำแนะนำของคนร้าย ต่อมาภายหลังพบว่ายอดเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยของตนเองถูกโอนออกจากบัญชีโดยไม่ได้ทำธุรกรรมใดๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 33,000 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายพบเจอเพจผ่านช่องทาง Facebook ประกาศรับสมัครหานางแบบ/นายแบบเด็กหน้าใหม่ จึงมีความสนใจอยากให้ลูกของตนได้ร่วมกิจกรรมทางเพจนี้ ทางเพจให้ผู้ปกครองทำการสมัครร่วมทำกิจกรรม โดยให้เข้าชมผ่านช่องทาง Youtube กระตุ้นยอดซื้อสินค้าตามจำนวนที่กำหนด และได้หลอกลวงค่าคอมมิชชันของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

และคดีที่ 5 หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ มูลค่าความเสียหาย 1,490 บาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายจองที่พักชื่อว่า Sea Sand Trees จังหวัดชลบุรี ผ่านช่องทาง Facebook ทางเพจที่พักให้ทำการโอนเงินจองห้องพักโดยชำระเต็มราคา จากนั้นทางที่พักแจ้งกลับมาว่าให้โอนเงินค่ามัดจำเพิ่มไปยังอีกบัญชีธนาคาร ทางผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงไม่ได้โอนเงินค่ามัดจำเพิ่มไป และทำการตรวจสอบที่พักพบว่าเพจเป็นเพจปลอม ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

“ขอให้ประชาชนระวังการหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่ติดต่อเข้ามาผ่านโทรศัพท์ และสื่อสังคมออนไลน์ หากมั่นใจว่าปลายสายเป็นมิจฉาชีพให้วางสายทันที และแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่ดูแล เพราะปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่หลอกลวงทั้งการหลอกให้รัก แล้วโอนเงิน การโทรศัพท์ข่มขู่ให้เกิดความกลัว การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วหลอกให้ลงแอปติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ รวมทั้งการจองที่พักผ่านเพจปลอม”


กำลังโหลดความคิดเห็น