ดีอีเปิด 5 เคสตัวอย่างจากข้อมูลที่ AOC 1441 รับแจ้งเหตุ พบผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 28 ล้านบาท มีทั้งหลอกให้รัก หลอกให้ลงทุน หลอกให้ลงแอปเข้าควบคุมสมาร์ทโฟน
น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอี) กล่าวว่า จากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ระหว่างวันที่ 1-5 มกราคมที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงผ่านเครือข่ายออนไลน์ในหลายรูปแบบ โดยมีเคสตัวอย่าง 5 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance scam) มูลค่าความเสียหาย 1.9 ล้านบาท รายละเอียดคดี คือ ผู้เสียหายรู้จักกับคนร้ายที่ติดต่อมาผ่านช่องทาง Facebook ต่อมาได้พูดคุยผ่านช่องทาง LINE เริ่มพูดคุยกันจนสนิทใจและได้หลอกให้โอนเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อ้างว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป ปัจจุบันทำการติดต่อไม่ได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 หลอกลวงเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าความเสียหาย 1.25 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักกับทางมิจฉาชีพที่ติดต่อมาผ่านช่องทาง Facebook ต่อมาได้พูดคุยผ่านช่องทาง LINE และหลอกให้ลงทุนอ้างว่าเป็นการลงทุนผ่านเว็บไซต์ ที่ต้องแลกเงินสกุลไทยเป็นเงินสกุลดอลลาร์ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปผ่านแพลตฟอร์ม Bittaza เมื่อผู้เสียหายโอนเงิน ไปแล้ว ไม่สามารถเอาเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1.21 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักมิจฉาชีพที่ติดต่อมาผ่านช่องทาง Facebook ใช้ชื่อว่า Steluke ต่อมา ได้พูดคุยผ่านช่องทาง LINE และชักชวนให้ลงทุน Forex โดยให้ทำการลงทุนเพื่อจะได้ค่าคอมมิชชันจึงได้โอนเงินไปหลายครั้ง แต่พอลงทุนเงินเพิ่มก็ไม่สามารถถอนออกได้ ทั้งยังอ้างว่าต้องชำระค่าภาษี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป แต่ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้อีก ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 หลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ มูลค่าความเสียหาย 4 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า มิจฉาชีพโทร.หาผู้เสียหาย แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีกรมที่ดิน ต่อมาได้มีการพูดคุยผ่านช่องทาง LINE หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของกรมที่ดินให้ทำการสแกนใบหน้า จากนั้นปรากฏว่าโทรศัพท์ถูกล็อกไม่สามารถเข้าใช้งานได้ และทราบว่าเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายถูกโอนออกไปจากบัญชีของตน ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
และคดีที่ 5 หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท รายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook แล้วได้มีการติดต่อพูดคุยกันผ่านช่องทาง LINE ต่อมามิจฉาชีพได้มีการชักชวนผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้นผ่านแพลตฟอร์มที่ส่งมาให้ ซึ่งอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อและได้โอนเงินไปลงทุนตามคำแนะนำ แต่เมื่อต้องการถอนเงินไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
ทั้ง 5 คดี ได้ติดต่อเข้ามาที่ศูนย์ AOC 1441 รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดีมากกว่า 28 ล้านบาท โดยพบว่ามิจฉาชีพติดต่อกับผู้เสียหายผ่าน Facebook จากนั้นมิจฉาชีพจะขอ LINE ผู้เสียหาย เพื่อพูดคุยก่อนที่จะหลอกให้มีการโอนเงินผ่านออนไลน์ไปยังบัญชีธนาคารของมิจฉาชีพ
“ดีอีขอเตือนภัยกับทุกท่านที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่คุ้นเคยที่เข้ามาทักทายและขอเป็นเพื่อนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย จากนั้นขอพูดคุยสานต่อขอเป็นคนรัก ขอชวนลงทุน ขอให้ช่วยโหลดโปรแกรมต่างๆ ขอให้ท่านอย่าไว้ใจหรือตระหนักเสมอถึงความปลอดภัยของตัวท่านเอง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านโอนเงินให้มิจฉาชีพจนหมดตัวได้”