xs
xsm
sm
md
lg

5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทย 2567 ในมุมมอง Meta

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิด 5 เทรนด์ประจำปี พ.ศ.2567 จาก Meta สำหรับภาคธุรกิจ และนักการตลาดในประเทศไทย ภายใต้การสำรวจร่วมกับ Bain & Company หลายเทรนด์ส่งผลต่อทิศทางภูมิทัศน์ของธุรกิจ ทำให้ต้องมีการปรับตัวให้ครอบคลุมเพื่อเพิ่มศักยภาพ และคว้าโอกาสในการเติบโต

แพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่า แนวโน้มสำคัญในปี พ.ศ.2567 ว่าจะเป็นปีที่ได้เห็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับเปลี่ยนต่อการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายได้ทันท่วงทีท่ามกลางการแข่งขันสูง

“สิ่งสำคัญที่นักการตลาดยังคงให้ความสนใจคือ กลยุทธ์การทำการตลาดแบบองค์รวมและใช้ศักยภาพจากทุกมิติของการทำตลาดแบบ full funnel และทำให้แน่ใจว่าคุณค่าของแบรนด์และสิ่งที่แบรนด์นำเสนอนั้นตอบสนองกับความต้องการที่เปลี่ยนไปทั้งในแง่ของกลุ่มประชากรใหม่ๆ ที่ก้าวเข้ามามีอิทธิพลในตลาดการค้า อย่าง Gen Z หรือกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่คนเดียว”

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงช่องทางการสื่อสารและรูปแบบของมีเดียที่ใช้สื่อสารด้วย เพราะจากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของ AI และศักยภาพที่จะเข้ามาช่วยนักการตลาดและแบรนด์พัฒนาประสิทธิภาพลและประสิทธิผลในแบรนด์และทุกขั้นตอนของการทำการตลาดตั้งแต่การนำ AI มาใช้ในเชิงครีเอเทฟเพื่อออกแบบชิ้นงานโฆษณา หรือนำมาช่วยเสริมประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด

สำหรับ 5 เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นประกอบด้วย 
1.อิทธิพลของ Gen Z : กลุ่มประชากร Gen Z ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ.2539-2555 กำลังก้าวเข้าสู่วัยที่เริ่มมีรายได้ เงินออม และรายจ่าย ซึ่งในปัจจุบัน เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มี Gen Z จำนวนกว่า 500 ล้านคน และในเวลาอีกไม่นาน ประชากรกลุ่มนี้จะมีอัตราส่วนถึง 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาค

จากการสำรวจล่าสุดของ Meta พบว่า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มหลักที่ส่งอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย 82% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออนไลน์อยู่แล้ว

ในแต่ละเดือน 91% ของกลุ่มผู้บริโภควัย Gen Z ใช้งาน Facebook เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและดูเนื้อหาสื่อต่างๆ ส่วน 85% ของ Gen Z มีการรับชมเนื้อหาต่างๆ ผ่าน Messenger และ 83% ใช้งานผ่านทาง Instagram 

ส่งผลให้ Meta เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของการเชื่อมต่อบนโลกโซเชียล ธุรกิจการค้า และการค้นพบที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับชาวไทยที่กำลังมองหาการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่มีความหมาย เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง

2.การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียว (Solo Economy) : ผลศึกษาดังกล่าวได้เผยว่าจำนวนครัวเรือนขนาดเล็กลงและครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค

ในปัจจุบัน จาก 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเพิ่มของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวสูงที่สุดมี 3 ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการอาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายในปี พ.ศ.2573

แนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน เช่น อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความต้องการด้านการอยู่อาศัย สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้พักอาศัยคนเดียวจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ความต้องการซื้อสินค้าขนาดเล็กจะเพิ่มสูงขึ้นและมีความถี่มากขึ้น และในอนาคต จะมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นในการติดตามครีเอเตอร์ รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบนโลกออนไลน์

3.เทคโนโลยี AI : มีการคาดการณ์ว่าการนำ Generative AI มาใช้อย่างแพร่หลายและในอนาคต โดย Meta ได้นำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนการพัฒนา Meta Advantage+ ซึ่งเป็นชุดผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นพร้อมอำนวยความสะดวกด้วยเครื่องมือในรูปแบบอัตโนมัติแก่นักโฆษณา

ปัจจุบัน นักโฆษณาที่ใช้บริการบนแพลตฟอร์มของ Meta มากกว่า 50% มีการใช้เครื่องมือ Advantage+ Creative เพื่อปรับแต่งภาพและข้อความในโฆษณาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแนวโน้มนี้คาดว่าจะยิ่งเติบโตมากขึ้นในอนาคต

4.การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) : สำหรับในประเทศไทย การส่งข้อความเชิงธุรกิจยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างสูง โดยจากผลสำรวจเผยว่า 81% ของคนไทยรู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจมากขึ้น เมื่อพวกเขาสามารถส่งข้อความหาธุรกิจได้โดยตรง และมีกว่า 78% ของคนไทยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ส่งข้อความหาธุรกิจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

ในปี พ.ศ.2567 นี้ คาดว่าจะมีการให้บริการเครื่องมือและบริการใหม่ๆ ผ่านการฟีเจอร์ส่งข้อความ เช่น เป็นการจองการเดินทาง การส่งปฏิทินนัดหมาย และการซื้อสินค้า นอกจากนี้ ผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI บนระบบแชตจะมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

5.วิดีโอขนาดสั้น : วิดีโอสั้นอย่าง Reels เป็นรูปแบบคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ตที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านวัฒนธรรมและประชากรศาสตร์ จากการสำรวจผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 13-64 ปี ในภูมิภาคเมื่อเร็วๆ นี้ โดยทีมวิจัยการตลาดธุรกิจและธุรกิจอัจฉริยะ (Business Marketing Research and Intelligence) ร่วมกับองค์กรวิจัย Factworks พบว่าผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มีแนวโน้มที่จะติดตามธุรกิจมากขึ้น 77% แท็กแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ 72% หรือซื้อสินค้า 72% หลังจากการรับชม Reels

นอกจากนี้ 84% ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคยังเคยแชร์ Reels ให้เพื่อนหรือครอบครัวอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ใช้ Reels กว่า 2 แสนล้านครั้งต่อวันบน Facebook และ Instagram นอกจากนี้ Reels ยังเพิ่มการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากขึ้นกว่า 40% โดยประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของโลกที่นิยมในการสร้างคลิปวิดีโอ Reels


กำลังโหลดความคิดเห็น