HPE เปิดตัวสถาปัตยกรรม AI-native ใหม่ พร้อมโซลูชัน Hybrid Cloud รับมือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ระบุโซลูชันการประมวลผลระดับองค์กรสำหรับ AI สร้างเนื้อหา (Generative AI) จะสามารถสั่งซื้อได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024
อันโตนิโอ เนริ ประธานและซีอีโอของ HPE กล่าวว่า การเกิดขึ้นของ GenAI ทำให้องค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความต้องการของข้อมูลและความต้องการทางคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Computational demands) ในการใช้งานโมเดล AI ให้มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องอาศัยแนวทางเทคโนโลยีที่ต่างกัน HPE จึงนำความสามารถด้านไฮบริดคลาวด์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และ AI ชั้นนำของตลาดมาสู่องค์กรในวงกว้างยิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งลูกค้าสามารถพัฒนาโมเดล AI ได้อย่างปลอดภัย ผ่านการใช้ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองด้วยโซลูชัน AI-native และไฮบริดคลาวด์ของ HPE
"องค์กรต่างๆ จะสามารถใช้ประโยชน์จากความเข้าใจในเชิงลึกของข้อมูลของตนเองได้อย่างเต็มที่เพื่อปฏิวัตินวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และตระหนักถึงพลังของ GenAI ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอุตสาหกรรมของพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยม"
บริษัทฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ หรือ HPE นั้นประกาศเปิดตัวซีรีส์ถัดไปของ AI-native และไฮบริดคลาวด์สำหรับการพัฒนาการเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ (Machine Learning Development) การวิเคราะห์ข้อมูล การเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บไฟล์ด้วยการปรับแต่ง AI (AI Tuning) และการอนุมานของ AI (AI Inference) และการให้บริการระดับมืออาชีพ Professional Services ในงาน HPE Discover Barcelona 2023 โดยโซลูชันเหล่านี้ได้รวบรวมจุดเด่นที่เป็นผู้นำตลาดของ HPE ในด้านไฮบริดคลาวด์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ AI/ML เพื่อทำให้องค์กรเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยสถาปัตยกรรม AI-native แบบเปิดเต็มรูปแบบ (Full Stack) ที่รวมเอาซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐานที่คัดสรรมาอย่างดี
HPE ระบุว่าทั้งหมดออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวงจรการใช้งาน AI โดยเฉพาะ และมั่นใจว่าจะช่วยลดอุปสรรคในด้านไอทีและส่งมอบโซลูชัน AI-native แบบ Full-stack ที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถฝึก ปรับแต่งและอนุมานโมเดล AI ของตนเองได้ตั้งแต่เอดจ์ (Edge) ไปจนถึงคลาวด์ (Cloud) อย่างมีประสิทธิภาพ
HPE ย้ำว่าเวิร์กโหลดของ Generative AI (GenAI) ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างหนักหน่วง และต้องการความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถนำ GenAI การเรียนรู้แบบอัตโนมัติ (Deep Learning) คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision) หรือโมเดลการเรียนรู้ของเครื่องแบบคลาสสิกไปใช้ในธุรกิจของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะต้องขยายสภาพแวดล้อมแบบ Cloud-native เพื่อเพิ่มการใช้ AI-native เข้าไปด้วย ซึ่งแพลตฟอร์มคลาวด์ของ HPE GreenLake ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบวิวัฒนาการนี้โดยเฉพาะแก่อุตสาหกรรมไอทีผ่านสถาปัตยกรรม AI-native แบบเปิดและ Full Stack ชั้นนำในอุตสาหกรรม หนึ่งในคุณสมบัติน่าสนใจคือชุดขั้นตอนการประมวลผลที่เน้นข้อมูลอันดับแรก (Data-first Pipeline) เพื่อจัดการข้อมูลสาธารณะและข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ผ่านระบบไอทีหลายเจเนอเรชัน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการวงจรการใช้งานซอฟต์แวร์ AI (AI Lifecycle Management) เพื่อเร่งขั้นตอนการทำงานสำหรับการเทรน การปรับแต่ง และการอนุมานโมเดล AI การออกแบบไฮบริดโดยเฉพาะ (Hybrid by design) เพื่อใช้งาน AI ได้ทุกที่ตั้งแต่เอดจ์ไปจนถึงคลาวด์พร้อมๆ กับการปกป้องข้อมูล การเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูง (High-performance Interconnects) สำหรับการเชื่อมต่ออัจฉริยะและการจัดการการรับส่งข้อมูลสำหรับคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ DNA ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputing DNA) บิลต์อินอยู่ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยมีการออกแบบที่ยั่งยืนเพื่อใช้เทรนโมเดลที่ใหญ่ที่สุด ระบบนิเวศแบบเปิด (Open Ecosystem) เพื่ออิสระในการเลือกสรรโดยไม่ถูกจำกัด
ในอีกด้าน HPE ได้ร่วมกับ NVIDIA เพื่อส่งมอบโซลูชัน GenAI ระดับองค์กรแบบ Full Stack โดย HPE ประกาศ ขยายความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับ NVIDIA เพื่อพัฒนาโซลูชันการประมวลผลระดับองค์กรสำหรับ GenAI โดยโซลูชันการปรับแต่งและอนุมาน AI แบบกำหนดค่าไว้ได้ล่วงหน้าที่ได้รับการออกแบบร่วมกันในครั้งนี้ได้ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถปรับแต่งโมเดลพื้นฐานได้อย่างรวดเร็วโดยการใช้ข้อมูลส่วนตัว ให้โปรแกรมผลิตผลงานได้จากทุกที่ ตั้งแต่ Edge ไปจนถึง Cloud ข้อเสนอนี้ช่วยขจัดความซับซ้อนในการพัฒนาและการใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน GenAI ด้วยโซลูชันการปรับแต่งและอนุมาน AI แบบเต็มรูปแบบ Full Stack จาก HPE และ NVIDIA
ทั้งนี้ โซลูชันการประมวลผลระดับองค์กรสำหรับ AI สร้างเนื้อหา (Generative AI) จะสามารถสั่งซื้อได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024
