เดลล์ (Dell Technologies) เผยวิสัยทัศน์ปี 2024 ยกปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นหนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่กำหนดทิศทางการปรับใช้เทคโนโลยีไอทีของบริษัทใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น หรือ APJ ตลอดหลายปีจากนี้ ระบุได้เวลา AI บุกเอดจ์จนทำให้โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงอุปกรณ์ใกล้ตัวผู้ใช้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ฟันธงไม่เกิน 12 เดือนโลกจะได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่รองรับ AI หรือ AI PC ซึ่งกำลังใกล้คลอดพร้อมชิปใหม่ที่ปรับให้เหมาะสำหรับรันงาน AI
นอกจาก AI เดลล์ยังมองเห็นแรงกระเพื่อมของอีกหลายแนวโน้มเทคโนโลยี โดยเฉพาะการเกิดขึ้นจริงของแนวคิดซีโร่ทรัสต์ หรือการไม่ไว้วางใจจุดใดในระบบเลย ซึ่งทำให้มีการเอ่ยชื่ออินเดีย เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซียเป็นตลาดโอกาสงามที่น่าตื่นเต้นในปี 2024 เพราะมีการกำหนดมาตรฐานไซเบอร์และใบรับรองของตัวเอง โดยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ถูกกล่าวขานถึงในฐานะต้นสังกัดเมืองดิจิทัลเกิดใหม่ที่จะกระตุ้นการลงทุนไอทีในภูมิภาค ควบคู่กับการอัปเกรดในเมืองหลักที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว เช่น กรุงโซล ซิดนีย์ โตเกียว และสิงคโปร์ ซึ่งรายหลังสุดกำลังทำโครงการท่าเรืออัจฉริยะร่วมกับเดลล์เพื่อก้าวสู่การเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แนวโน้มสดใสนี้ถือเป็นความหวังที่น่าจับตาของเดลล์ ซึ่งล่าสุด เดลล์รายงานว่ารายรับในไตรมาส 3 ปี 2023 นั้นต่ำกว่าประมาณการเนื่องจากการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดในตลาดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลง 4% หลังการประกาศในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2023 ผลจากแนวโน้มความต้องการสินค้าไอทีที่ชะลอตัวลงหลังจากยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พุ่งสูงขึ้นในช่วงล็อกดาวน์โควิด ซึ่งเดลล์เชื่อว่า AI จะกระตุ้นให้วงจรการซื้ออุปกรณ์ใหม่กลับมาอีกครั้งในปี 2024
***จุดพลุวงจรซื้อใหม่พีซี
แม้จะไม่ใช่ผู้จำหน่ายพีซีรายเดียวที่เผชิญกับความท้าทายของตลาดพีซีในช่วงหลังโควิด แต่เดลล์ถูกมองว่าได้รับผลกระทบมากกว่าคู่แข่งเนื่องจากการชะลอตัวในตลาดพีซีธุรกิจ ซึ่งเป็นตลาดหลักสำหรับเดลล์ อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการที่ AI จำเป็นต้องมีการอนุมานหรือทำงานข้ามศูนย์ข้อมูล จะทำให้ธุรกิจต้องลงทุนปรับเปลี่ยนระบบปลายทาง หรือเอดจ์ (Edge) และอุปกรณ์อื่นอย่างครอบคลุมอีกครั้ง กลายเป็นภาวะเริ่มวงจรการรีเฟรชพีซี หรือการซื้อเครื่องพีซีใหม่ที่เดลล์เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทในไม่กี่เดือนนับจากนี้
จอห์น โรส (John Roese) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลกของเดลล์ กล่าวว่า การอนุมานของ AI หรือ AI inference กำลังนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทั้งโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์ (เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้) รวมถึงอุปกรณ์เอดจ์ (แล็ปท็อปและพีซี) ทั้ง 2 ส่วนล้วนมีความสำคัญต่อการรันงาน AI ในอนาคตเพราะโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์ที่เหมาะสมและอยู่ใกล้กับผู้ใช้ จะลดเวลาแฝงและยกระดับประสบการณ์สำหรับแอปแบบเรียลไทม์ เช่น แชตบอต และการเข้าถึงศูนย์ข้อมูลที่ห่างไกล ซึ่งจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 ขณะที่พีซีแบบ AI หรือ AI PC นั้นกำลังแจ้งเกิดใหม่ด้วยชิปล้ำสมัยที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการทำงานของ AI ช่วยให้ AI สามารถอนุมานบนอุปกรณ์ได้มากขึ้น ทั้งคู่จะกระจายการทำงานของ AI ทำให้ AI แสดงผลได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องไปกระจุกรวมที่ศูนย์ขนาดใหญ่
“พวกเราเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือตอนที่โลกเข้าสู่ช่วงโควิด เราได้เห็นว่ามีพีซีจำนวนมากในธุรกิจที่ไร้ศักยภาพเพราะไม่สามารถประชุมทางไกลได้ และนั่นเป็นหายนะเพราะธุรกิจต้องการประชุม Zoom ในการทำงาน และนั่นทำให้เกิดวงจรการรีเฟรชพีซีครั้งใหญ่ เพราะธุรกิจต้องซื้อพีซีที่มีความสามารถในการประมวลผลวิดีโอที่เหมาะสมในการเรียกใช้ Zoom สำหรับคลื่นลูกถัดไปที่กำลังจะมา คือ AI co-pilot หรือระบบ AI ที่จะเป็นนักบินร่วมให้ผู้คนทำงานได้เร็วขึ้น”
CTO ของเดลล์ย้ำว่าเพื่อให้ AI ทำงานได้อย่างเหมาะสม โครงสร้างพื้นฐานของระบบจำเป็นต้องมีความสามารถในการประมวลผลเพิ่มเติม โดย AI ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ดังนั้น ชาวโลกจึงมีโอกาสได้เริ่มเห็นชิปเซ็ตในอุตสาหกรรมมากขึ้นในปี 2024 จุดนี้เดลล์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่มีการพัฒนาต่ออีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะเป็นไปตามรอบของการรีเฟรชครั้งถัดไป เพื่อให้ธุรกิจสามารถใช้งานระบบผู้ช่วย AI co-pilot และ AI ขั้นสูงบนระบบไฮเอนด์ได้บนเวิร์กสเตชันที่มีความแม่นยำหรือแล็ปท็อปองค์กร
จอห์น โรส อธิบายว่า AI PC จะแตกต่างจากคอมพิวเตอร์พีซีดั้งเดิมเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะจะรักษาความลับได้มากขึ้นด้วยการประมวลผลข้อมูลภายในเครื่องเหมือนกับระบบคลาวด์ ซึ่งวันนี้ ผู้เล่นรายหลักเช่น Microsoft, Intel, Dell, Qualcomm และอื่นๆ ต่างมองเห็นบทบาทที่เปลี่ยนไปของพีซีในยุค AI ทำให้เกิดแนวคิดการพัฒนาฮาร์ดแวร์ยุคถัดไป เช่น ชิปใหม่ของ Intel ที่จะรวมซิลิคอน AI เฉพาะทางเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงนานาชิปเซ็ตขั้นสูงอื่นที่จะยกพลขึ้นบกในปี 2023/2024 ที่จะทำให้พีซีสมัยใหม่มีความสามารถในการอนุมานเฉพาะทางได้มากขึ้น
AI ถือเป็นขอนไม้ที่เดลล์ต้องเกาะไว้ให้แน่นในช่วงที่จำใจต้องประกาศผลประกอบการรายไตรมาสที่ลดลงจนเกิดความกังวลว่าบริษัททั่วโลกกำลังลดการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกระแสที่อาจส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงอีก ที่ผ่านมา เดลล์มีรายได้ในกลุ่มธุรกิจ CSG หรือโซลูชันสำหรับลูกค้าซึ่งรวมธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสำหรับผู้บริโภคและองค์กรราว 12,280 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งลดลงเกือบ 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โชคดีว่ารายได้จากธุรกิจเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เครือข่ายของเดลล์เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากความสนใจของลูกค้าในด้าน generative artificial intelligence (GenAI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ผลงานได้
จากข้อมูลของบริษัทวิจัย Canalys พบว่าตลาดพีซีมีแนวโน้มเกิดความต้องการเพิ่มขึ้นเพราะ AI คาดการณ์ว่าจะมีการนำพีซีที่รองรับ AI มาใช้งานได้เร็วขึ้นตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป โดยอุปกรณ์ดังกล่าวคิดเป็นประมาณ 60% ของพีซีทั้งหมดที่จัดส่งในปี 2028
***เอเชียแปซิฟิกพื้นที่ไข่แดง
ในขณะที่ AI กำลังเปลี่ยนจากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติจริง เดลล์เชื่อว่าเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะเป็นตลาดหลักของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยหลายองค์กรจะเปลี่ยนจากการทดลองในวงกว้างไปสู่การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ ผ่านโปรเจกต์ GenAI ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจ
ปีเตอร์ มาร์ส (Peter Marrs) ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ เทคโนโลยีส์ แสดงความเชื่อมั่นเรื่องการเติบโตอย่างรวดเร็วของโอกาสด้าน AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นเนื่องจากภูมิภาค APJ เป็นตลาดที่เปิดกว้างต่อเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน มีจิตวิญญาณแห่งการทดลอง ทำให้ APJ สามารถปรับใช้ AI รวมถึงรับมือกับผลกระทบและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อคติ และความแตกต่างทางวัฒนธรรม
“แนวโน้มสำคัญใน APJ คืออายุมัธยฐานของคนหนุ่มสาวที่อายุ 31 ปี อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูง และความต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งนำไปสู่การขยายตัวของจุดสัมผัสทางดิจิทัลและการเติบโตของข้อมูลแบบก้าวกระโดด” มาร์สระบุ “การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นเร็วกว่าในภูมิภาคอื่นๆ และคาดว่าจะสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้”
มาร์สเชื่อว่าเทคโนโลยีมัลติคลาวด์-ความปลอดภัยทางไซเบอร์-แนวคิดซีโรทรัสต์ (zero trust) และการประมวลผลแบบเอดจ์จะเป็นธีมที่สำคัญสำหรับตลาดไอที APJ ในปี 2024 เป็นต้นไป เนื่องจากความท้าทายใน APJ คือความกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลกว่า 37% ของโลกนั้นตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ ทำให้เกิดความจำเป็นในการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย บนการมุ่งเน้นให้สามารถรับปริมาณงานได้เหมาะสม
ผู้บริหารเดลล์ยังกล่าวถึงการขยายตัวของเมืองดิจิทัลใน APJ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ และความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ 5G ที่มีส่วนทำให้การประมวลผลแบบเอดจ์ใน APJ มีการเติบโตสูงมาก
“เมืองดิจิทัลเกิดใหม่กำลังถูกสร้างขึ้นในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงการอัปเกรดที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ รอบสิงคโปร์ และเมืองที่มีความเป็นดิจิทัลอยู่แล้ว เช่น โซล ซิดนีย์ และโตเกียว ทั้งหมดต้องการการเชื่อมต่อ ทำให้เดลล์รู้สึกถึงการลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล”
ในภาพรวม เดลล์มีความร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ในภูมิภาค ทั้ง NHN ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลชั้นนำ รวมถึง PSA ผู้ให้บริการห่วงโซ่อุปทานท่าเรือระดับโลกในสิงคโปร์ และยังมีหน่วยงานในอินเดียที่เดลล์รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่เห็นในเอเชียแปซิฟิก ทั้งหมดนี้ไม่มีการเอ่ยชื่อประเทศไทย
***ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ก้าวกระโดดปีหน้า
นอกจาก AI เดลล์เชื่อว่าปี 2024 จะเป็นปีที่โลกได้เห็นบทบาทของการประมวลผลควอนตัมในการจัดการกับความต้องการทรัพยากรการประมวลผลใน GenAI และ AI ขนาดใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าโลกจะได้เห็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในความสามารถของ AI ด้วย
จอห์น โรส อธิบายเพิ่มว่าปี 2024 โลกอาจได้เห็นระบบควอนตัมแบบไฮบริดเพื่อนำมารันงานของ AI โดยจะมีการรวมสถาปัตยกรรมการประมวลผลที่หลากหลาย รวมถึงหน่วยประมวลผลควอนตัมด้วย
ในอีกด้าน เดลล์เชื่อว่าเอดจ์และมัลติคลาวด์จะมีพัฒนาการเพิ่มอีกขั้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถดึงคุณค่าจากข้อมูล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโอกาสทางธุรกิจในการเปลี่ยนแปลง โดยแม้มัลติคลาวด์จะกลายเป็นกระแสหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่ยังต้องพิจารณากลยุทธ์อื่นเพื่อส่งมอบความคล่องตัวและนวัตกรรมทางธุรกิจ
ที่สุดแล้ว ตลาดภูมิภาค APJ จะมีโอกาสสดใสในปี 2024 ส่วนสำคัญเป็นเพราะการต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความพร้อมทางดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นคาดว่าทั้งอุตสาหกรรมจะทำงานร่วมกันอย่างมีเป้าหมายเพื่อเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการใช้เทคโนโลยี โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเทคโนโลยีเกิดใหม่เพื่อสร้างผลกระทบที่มากขึ้นต่อธุรกิจและชุมชน
แน่นอนว่าผลดีจะอยู่ที่เดลล์ด้วยโดยปัจจุบันเดลล์มีรายรับสำหรับไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3 ปี 2023) อยู่ที่ 22,250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้จะน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์แต่หลายสัญญาณชี้ว่าทุกอย่างกำลังจะสดใส และ AI จะอัดฉีดตลาดไอทีปี 2024 รวมถึงปีต่อๆ ไป