โนเกีย (Nokia) เบิกเนตรวงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ลุยพลิกโฉมการตั้งค่าระบบเครือข่ายโดยใช้เสียงพูดของมนุษย์ หยิบเทคนิคการประมวลผลภาษาธรรมชาติ Natural language processing (NLP) มาทำงานร่วมกับโมเดล AI/ML ทำให้ระบบไอทีสามารถแปลข้อความ หรือคำสั่งที่เป็นเสียงพูด แล้วดำเนินการตั้งค่าเครือข่ายไอทีที่เหมาะสมได้อัตโนมัติ
ซาบา วัลคาน หัวหน้าคณะงานวิจัยระบบเครือข่ายอัตโนมัติ ของ Nokia Bell Labs กล่าวถึงนวัตกรรมที่บริษัทเพิ่งพัฒนาขึ้นว่า ผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ให้บริการโครงข่ายไอทีจะไม่จำเป็นต้องค้นหาแค็ตตาล็อกทางเทคนิค หรือคำอธิบายชุดคำสั่ง API ที่ซับซ้อนเมื่อจะกำหนดตั้งค่าเครือข่าย แต่จะทำได้ด้วยการใส่ข้อความสั้นง่ายลงไป
"เช่น “Optimize the network at X location for Y service” (เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายที่พิกัด X สำหรับบริการ Y) ก็เรียบร้อยแล้ว คำร้องขอดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อกำหนดค่าเครือข่ายไร้สายในโรงงานที่ใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติ หรือเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายกับงานคอนเสิร์ตที่มีการอัปโหลดข้อมูลบนสื่อโซเชียล”
โนเกีย มองว่าพัฒนาการนี้ของห้องทดลอง Nokia Bell Labs เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการสร้างเครือข่ายแบบอัตโนมัติอย่างแท้จริง โดยถือเป็นความสำเร็จในการพัฒนางานวิจัยชิ้นสำคัญครั้งแรกของอุตสาหกรรมเครือข่ายสื่อสารที่ใช้ชื่อว่า “เครือข่าย Natural-Language Networks” ซึ่งสามารถทำงานตอบสนองตามคำสั่งที่เป็นเสียงพูดธรรมดาหรือข้อความสั้นๆ ได้ โดยเครือข่ายนี้จะเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ผนวกเข้ากับความเฉลียวฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ที่จะปฏิบัติงานต่อเนื่องได้เองจนสำเร็จตามคำร้องขอ
Nokia Bell Labs ได้แสดงการทดสอบแนวคิดนี้เป็นครั้งแรกที่งาน Brooklyn 6G Summit ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประชุมสุดยอดด้านการสื่อสารระดับโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2566 ณ เมืองบลูคลิน ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
เครือข่าย “Natural Language Network” จะกำจัดความยุ่งยากซับซ้อนของงานบริหารจัดการเครือข่าย ขณะเดียวกัน ยังสามารถตอบสนองความต้องการของบริการที่ลูกค้าของระบบเครือข่ายต้องการใช้ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ความสามารถ AI ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสื่อสารที่นำระบบเครือข่ายนี้ไปใช้งานจะสามารถสร้างบริการใหม่บนโครงข่ายและมีการควบคุมปรับปรุงให้โครงข่ายมีการตั้งค่าให้เป็นไปตามสิ่งที่ผู้ใช้บริการร้องขอใช้งานอยู่เสมอตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำขอโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ เครือข่าย “Natural-Language Network” จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากการทำงานที่สำเร็จตามคำร้องขอต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย เมื่อเครือข่ายได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายนี้จะสามารถคาดคะเนความต้องการด้านบริการและการใช้งานได้ล่วงหน้า และปรับแต่งการทำงานได้เองโดยไม่ต้องมีคำสั่งการจากมนุษย์เข้ามาเพิ่มเติม
เครือข่าย “Natural-Language Network” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยใหม่ที่ Nokia Bell Labs พัฒนาขึ้นซึ่งเรียกว่า UNEXT โดยตั้งชื่อตามระบบปฏิบัติการ UNIX คิดค้นโดย Bell Labs เช่นกัน และเป็นตำนานของระบบปฏิบัติการ โดย UNEXT จะให้นิยามใหม่แก่ซอฟต์แวร์และระบบเครือข่ายเช่นเดียวกับ UNIX เคยสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อการประมวลผลมาแล้ว UNEXT จะสร้างกระบวนการที่รวมทุกอย่างเข้าไว้กับเครือข่ายอย่างปลอดภัยโดยการพัฒนาเครือข่ายไปเป็นระบบปฏิบัติการ OS อย่างค่อยเป็นค่อยไป
อาซิเมห์ เซฟิดคอน หัวหน้างานวิจัยระบบและความปลอดภัยของเครือข่ายของ Nokia Bell Labs กล่าวทิ้งท้ายว่าเครือข่าย Natural-Language Networks คือหนึ่งในตัวอย่างของความสามารถอันโดดเด่นที่มีอยู่มากมายของ UNEXT
"ถือเป็นการลดความซับซ้อนของการจัดการเครือข่ายสอดรับโดยตรงกับเป้าหมายหลักของ UNEXT ในการขยายการเข้าถึงระบบเครือข่ายด้วยการทลายอุปสรรคที่ขัดขวางให้ระบบเหล่านั้นทำงานร่วมกันได้”
