ทีพีลิงค์ (TP-Link) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 7 บุกทั้งตลาดธุรกิจองค์กร และผู้ใช้งานทั่วไปเต็มรูปแบบ ตอกย้ำผู้นำเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์เครือข่าย ราคาเริ่มต้น 9,990 บาท คาดตลาด Wi-Fi เปลี่ยนชัดปีหน้า ทั้ง Wi-Fi 6 ที่ราคาอุปกรณ์มีแนวโน้มลดลง 30% และ Wi-Fi 5 จะยังเป็นรุ่นยอดนิยมต่อ ขณะที่ Wi-Fi 4 อาจทยอยหดลดจำนวนลงไป
นายเฉิน คุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การมาของเทคโนโลยี Wi-Fi 7 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการให้บริการผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายสำหรับธุรกิจองค์กร (SMB) และสำหรับใช้งานทั่วไป (SOHO) และผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ WLAN อันดับ 1 ของโลก
"TP-Link เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 9 ปีแล้ว มีการเติบโตทางธุรกิจอุปกรณ์เครือข่าย Wi-Fi 6 สูงถึง 650% ภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับตลาด Wi-Fi 7 ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 24.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยมี CAGR ที่ 57.2% ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2573"
มาตรฐานเทคโนโลยี Wi-Fi 7 นั้นมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า IEEE 802.11be Extremely High Throughput (EHT) ซึ่งจะมีการเปิดตัวมาตรฐานอย่างเป็นทางการในปี 2567 ที่จะถึงนี้ ในภาพรวม Wi-Fi 7 ถูกมองว่าจะเป็นการปฏิวัติไลฟ์สไตล์ของผู้คนนำไปสู่การใช้ชีวิตในแบบอัจฉริยะที่แท้จริง ครอบคลุมการใช้งานในทุกรูปแบบ ทั้งการใช้งานทั่วไป เช่น การรับชมภาพยนตร์ผ่านระบบสตรีมมิ่งความละเอียดสูง 4K/8K การเล่นเกมออนไลน์ผ่านระบบคลาวด์ และการใช้งานอุปกรณ์ AR / VR / XR โดยไม่มีสะดุด
ที่สำคัญคือการพัฒนาอุปกรณ์เครือข่ายทางธุรกิจเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มสูงมากขึ้น เช่น อุปกรณ์ IoT สำหรับธุรกิจทางการแพทย์ หรือการควบคุมเครื่องจักรทางอุตสาหกรรม เป็นต้น
ในส่วนของ TP-Link บริษัทการันตีตัวเองเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครือข่ายที่มาพร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ครอบคลุมการใช้งานทุกระดับ ทั้งอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับการใช้งานทั่วไป และอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับธุรกิจองค์กรและอุตสาหกรรม
นายหง หัวเฟิง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย โดยเมื่อรวมกับเทคโนโลยีอื่นเช่น Multi-Link Operation, Bandwith 320 MHz, 16 x 16 Mu-MIMO, 4K-QAM, Multi-RU และ Preamble Puncturing ยิ่งช่วยให้เครือข่าย Wi-Fi มีการรับส่งข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรับชมวิดีโอความละเอียดสูง 4K หรือ 8K ที่สมบูรณ์แบบ เล่นเกมออนไลน์ขนาดใหญ่ได้ราบรื่น หรือทำการสตรีมสดจากคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
"ผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 7 ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นให้ความเร็วที่สูงขึ้นจาก Wi-Fi 6 ถึง 4.8 เท่า มีค่าความหน่วงลดลง 100 เท่า และรองรับการใช้งานสูงขึ้นถึง 5 เท่า สามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึง 46 Gbps เพื่อการใช้งานที่รวดเร็ว"
3 กลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครือข่ายที่มาพร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ที่ TP-Link นำมาประเดิมตลาดไทย ประกอบด้วย 1.เราเตอร์ Archer Wi-Fi 7 ตัวแรกรูปทรงดูล้ำสมัย เด่นที่การใช้งานประสิทธิภาพสูง ให้ความเร็วรับส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi สูงถึง 19 Gbps มาพร้อมหน้าจอ LED แสดงผล และ Archer BE550 อุปกรณ์เราเตอร์เพื่อการอัปเกรดเครือข่ายให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ให้ความเร็วรับส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi สูงถึง 9.3 Gbps ราคาเริ่ม 9,990 บาท
2.ผลิตภัณฑ์ Deco Mesh Wi-Fi 7 จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Deco BE85 และ Deco BE65 เด่นที่การกระจายสัญญาณที่ครอบคลุมบ้านทั้งหลัง ระบบเครือข่าย Mesh Wi-Fi มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อความเร็วระดับ Multi-Gigabit ราคาเริ่ม 9,990 บาท และ 3.ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับธุรกิจองค์กร Omada Wi-Fi 7 เพิ่มความสามารถให้ระบบเครือข่ายธุรกิจด้วยอุปกรณ์กระจายสัญญาณสำหรับระบบจัดการเครือข่าย EAP783 และ EAP773 ราคาเริ่ม 25,990 บาท
ทั้งนี้ Wi-Fi 7 ของ TP-Link ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเซินเจิ้นนั้นพัฒนาบนแพลตฟอร์มของอินเทล โดยพันธมิตรหลักในการจำหน่ายที่ประเทศไทยไม่ได้มีเพียงผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ทั้งดิสทริบิวเตอร์และเวนเดอร์ แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ของเอไอเอส (AIS Fibre) ด้วย ซึ่งจะมีการจัดโปรโมชันสู่ตลาดไทยอย่างเข้มข้นต่อไป
จากการประเมินเบื้องต้น Wi-Fi 7 จะทำให้ตลาดอุปกรณ์ Wi-Fi เปลี่ยนแปลงในปีหน้า คาดว่าราคาเราเตอร์ Wi-Fi 5 จะเริ่มต้นที่หลักไม่เกิน 1,000 บาท เช่นเดียวกับ Wi-Fi 6 ที่จะลดลงมาอยู่ที่หลัก 5,000 บาท และมีโอกาสสูงที่ Wi-Fi 6E ซึ่งเปิดตัวหลัง Wi-Fi 6 ราว 2 ไตรมาสจะมีราคาเริ่มต้นลดลง 30% ขณะที่ Wi-Fi 7 จะปักหลักเริ่มที่ระดับเกือบหมื่น หรือหมื่นต้น
สำหรับอุปกรณ์ Wi-Fi ที่คาดว่าจะลดจำนวนน้อยลงไปในปีหน้า คือ Wi-Fi 4 ซึ่งหลีกทางให้ Wi-Fi 5 เป็นตลาดแมสในขณะนี้