xs
xsm
sm
md
lg

Nokia ขนโซลูชันเครือข่าย หนุนไทยปลดล็อกศักยภาพดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โนเกีย (Nokia) เดินหน้าปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ชูพันธกิจระยะยาวขับเคลื่อน และเร่งการเปลี่ยนสู่ดิจิทัล นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมนำเสนอโซลูชันเครือข่ายรุ่นใหม่ และนวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับ B2B ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเครือข่าย (CSP) หนุนไทยปลดล็อกศักยภาพด้านดิจิทัล

นายอาร์เจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โนเกียได้ปรับภาพลักษณ์เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับ B2B เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่ทุกอุตสาหกรรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากกว่า 2,600 แห่งทั่วโลก เช่น หน่วยงานรัฐ โรงงานการผลิต พลังงาน การขนส่ง สถานที่จัดงาน และอื่นๆ อีกมากมายไว้วางใจในนวัตกรรมและประสิทธิภาพของโนเกียเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด


“ในประเทศไทย โนเกียได้ศึกษาตลาดและเทรนด์ความต้องการของลูกค้าในเรื่องการใช้งาน 5G ความต้องการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล และความต้องการในการนำการวิเคราะห์และดึงศักยภาพของระบบอัตโนมัติมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน”

ทั้งนี้ รวบรวมวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีและพิจารณาแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนข้อกำหนดสำหรับระบบนิเวศและเครือข่ายของโลกในปี 2030 ไว้เป็น 3 แกนหลักๆ คือ ‘แนวโน้มทางเศรษฐกิจ-สังคมและภูมิรัฐศาสตร์’ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความต้องการด้านเทคโนโลยี การพัฒนา และการยอมรับ


นายเทเรนซ์ แมคเคบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท โนเกีย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ที่มีผลต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก อีกทั้งความเคลื่อนไหวของ “การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization)” ที่ทำให้เทรนด์และความต้องการต่างๆ มาพิจารณาโดยยึดถึงความเป็นปัจเจกและมีความเฉพาะตามท้องถิ่นมากขึ้น รวมทั้งความต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์และการมองหาความยั่งยืนในอนาคต

แกนที่ 2 คือ ‘ความต้องการ-ความคาดหวังของผู้ใช้งาน’ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและเครือข่าย และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2030 เพราะแต่ละกลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคทั่วไป องค์กร นักพัฒนา และผู้ใช้ในอุตสาหกรรมจะมีความต้องการที่ต่างกันทำให้เราต้องสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถรองรับทุกความต้องการได้อย่างแท้จริง

และแกนสุดท้ายคือ ‘เทคโนโลยี’ เราคาดว่านวัตกรรมพื้นฐานจะดำเนินต่อไปในเทคโนโลยีหลักๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซอฟต์แวร์ และ AI/ML ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse, Cloud และ Web3 จะส่งผลกระทบใหญ่ที่สุดในแง่ของการทำให้เกิดนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ๆ


สำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โนเกียนำมาแสดงในประเทศไทยประกอบด้วย 1.Nokia MX Industrial Edge คือ โซลูชัน Edge สำหรับองค์กรที่พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเทคโนโลยีด้านปฏิบัติการ (OT)

2.NetGuard Cybersecurity Dome คือ โซลูชันด้านความปลอดภัยระบบ Orchestration สามารถเลือกกรณีใช้งาน 5G ได้จากแคตตาล็อกแบบครบวงจร (Comprehensive catalogue) ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหมด ตั้งแต่สถานีฐาน (RAN) จนถึงโครงข่ายขนส่ง (Transport) และโครงข่ายหลัก (Core)

3.กลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันเครือข่ายออปติคอล (Nokia Optical Product Solutions Portfolio) โซลูชันของโนเกียที่เพิ่มความสามารถของเครือข่ายนับจากเครือข่ายเอดจ์ (Edge) และข้ามไปถึงระบบการเชื่อมต่อสัญญาณข้อมูลแบบระยะไกล แกนหลัก (long-haul/core) และใต้ทะเล รวมถึงโซลูชันเครือข่ายอัตโนมัติ (Network Automation) ของโนเกียจะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ Webscale และองค์กรขนาดใหญ่สามารถเพิ่มผลประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“โนเกียยังยึดมั่นในการสนับสนุนประเทศไทยให้เดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจในประเทศไทยได้รับประโยชน์จากผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น โซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับการส่งเสริม และการเข้าถึงที่มากขึ้นผ่านการบริหารจัดการโซลูชันดิจิทัล และหวังที่จะได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง”


กำลังโหลดความคิดเห็น