จีเอเบิล (GABLE) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2566 โชว์ Backlog สุดแข็งแกร่ง 4,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% รองรับรายได้ในอนาคต พร้อมรุกธุรกิจต่อเนื่อง ย้ำกำไรสุทธิโต 143% จากไตรมาสแรก
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการเป็นที่น่าพึงพอใจเติบโตจากไตรมาสแรก และส่วนที่เป็น Growth Engine มีรายได้จากซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเองเพิ่มขึ้นร้อยละ 88 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีทิศทางที่สอดคล้องกับ 6 เดือนแรก ปี 2566 มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทฯ ในการคิดค้นและสร้างเทคโนโลยีโดยคนไทย ที่มีความสามารถทัดเทียมกับเทคโนโลยีระดับโลก และใช้งานได้จริง
"เรามีความยินดีที่บริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด ในเครือบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชัน PropTech ภายใต้ชื่อว่า “SPACE” แพลตฟอร์มการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล ได้ร่วมกับบริษัท มังกี้เทค จำกัด ผู้นำแพลตฟอร์มระบบข้อมูลโรงพยาบาล Hospital Information System (HIS) ยกระดับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยจะร่วมกันบริหารในส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน การแบ่งปันความรู้ และการทำธุรกิจร่วมกันทั้งในเชิงธุรกิจและลูกค้า ซึ่งแนวโน้มอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ (Healthcare) จะเติบโตในระยะยาว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของประเทศส่วนใหญ่ที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยคาดการณ์ว่า ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.5 พันล้านคนภายในปี 2050 คิดเป็น 21% ของประชากรโลก 7,300 ล้านคน ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องพึ่งพาบริการทางการแพทย์เป็นอย่างมาก"
จีเอเบิล (GABLE) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 โดยโชว์ศักยภาพยังคงความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 จากไตรมาสแรก จากรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อน ตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นยังเพิ่มขึ้นจากที่ระดับร้อยละ 19.4 ในไตรมาสแรก เป็นร้อยละ 20.9 ในไตรมาส 2/2566 พร้อมลุยขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
น.ส.รวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาส 1/2566 มีกำไรขั้นต้น 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสแรก คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 20.9 เพิ่มจากร้อยละ 19.4 ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ต้องการมุ่งเน้นโซลูชันที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 จากไตรมาสแรก ปี 2566 โดยไตรมาส 2/2566 มีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.9 เพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิในไตรมาสแรกที่ระดับร้อยละ 2.2
สำหรับช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีอัตราส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) อยู่ในระดับร้อยละ 51.2 ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 4,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต
"จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และการมีวินัยทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนที่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนในระดับ 0.14 เท่า ลดลงจากสิ้นไตรมาสแรก ปี 2566 ที่ระดับ 0.56 เท่า และสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 0.59 เท่า ซึ่งการมีหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ในการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ"
จีเอเบิลถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ที่มีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นกลุ่มโซลูชันระดับองค์กร (Enterprise Solution and Services) ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีที่สำคัญในโลกยุคดิจิทัล ด้วยจุดเด่น การนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่ครบวงจรในหลากหลายอุตสาหกรรม ตลอดจนความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและเจ้าของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก นอกจากนี้ การมีรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในสัดส่วนที่สูง (Recurring Income) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการให้บริการโซลูชันที่ติดตั้งใหม่ในแต่ละปี
“จีเอเบิลเป็นเจ้าของเทคโนโลยี พัฒนาซอฟต์แวร์เป็นของตนเอง (Software Platform) ซึ่งมีการเติบโตในระดับสูง โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2566 รายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทฯ ที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยกลุ่มซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ถือเป็น Growth Engine ที่พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการข้อมูล Big Data ของ Blendata แพลตฟอร์มด้านการตลาดดิจิทัลของ InsightEra หรือว่าจะเป็น แพลตฟอร์มด้านการบริหารพื้นที่เช่าของ MVerge ที่อยู่ในทิศทางที่มีความต้องการของตลาด และมีการเติบโตสูง มาจากประสบการณ์ตรงที่ได้จากการทำโครงการให้ลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มเป็นของตนเองเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 5 แพลตฟอร์มที่พัฒนา พร้อมนำมาสร้างรายได้ให้กลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต โดยแพลตฟอร์มของเราตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะเป็น New Growth Engine ที่สร้างรายได้ให้จีเอเบิลในอนาคต” ดร.ชัยยุทธ กล่าวทิ้งท้าย