xs
xsm
sm
md
lg

เจาะเทรนด์ ‘สมาร์ทวอทช์’ ต้องฟิตตามไลฟ์สไตล์ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายอดขายของสมาร์ทวอทช์ทั่วโลกจะเริ่มหดตัวลง เนื่องจากเกิดดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาด ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจข้อมูลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้บรรดาสินค้าในกลุ่มสมาร์ทแบนด์ สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพเติบโตขึ้น

ก่อนที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เทรนด์การเลือกซื้อ ‘สมาร์ทวอทช์’ เริ่มปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น โดยมีความสามารถในส่วนของการตรวจจับสุขภาพเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ ตามด้วยความโดดเด่นเพิ่มเติมของแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์แทน

Apple Watch Ultra
ข้อสังเกตจากช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาของบริษัท Couterpoint นับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างน่าตกใจในกลุ่มแบรนด์ผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟน จากเดิมที่ Apple Watch มีส่วนแบ่งในตลาดนี้เกือบราว 37% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่กลับมีส่วนแบ่งลดลงเหลือ 26% เท่านั้นจากยอดขายของ Apple Watch 8 ที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าไม่มากนัก

ในขณะที่ Apple Watch Ultra กลับได้รับความนิยมจากฐานผู้ใช้งานที่ชัดเจนมากขึ้น ด้วยการที่ Apple ขยายตลาดผู้ใช้งานสมาร์ทวอทช์เพิ่มเติมจากที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ได้หน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น แบตที่ใช้งานได้นานขึ้น ไปสู่กลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความสามารถระดับมืออาชีพในกิจกรรมอย่างการวิ่งเทรล การเดินป่า และการดำน้ำ

Apple Watch Ultra Oceanic Plus
นอกจากนี้ ในส่วนของแบรนด์อันดับ 2 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ Samsung Galaxy Watch ทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังจากประกาศความร่วมมือกับ Google นำ Wear OS มาใช้งานบนสมาร์ทวอทช์ ช่วยเปิดตลาดผู้ใช้งานแอนดรอยด์เพิ่มเติม กลับโดนแบรนด์น้องใหม่จากอินเดีย Fire Boltt เข้ามาแย่งอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งที่ใกล้เคียงกันราว 9%

น่าเสียดายที่การสำรวจของ Couterpoint นั้นเป็นการนับรวมตลาดทั้งสมาร์ทแบนด์ในระดับราคาไม่กี่พันบาท และสมาร์ทวอทช์หลักหมื่นบาทเข้ามารวมกัน ทำให้ข้อมูลแนวโน้มการเติบโตของตลาดนี้อาจไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เพราะถ้าดูจากรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Apple ยังพบว่ายอดขายในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ทั้ง Apple Watch และ AirPods ที่เป็นหูฟังไร้สายยังสร้างยอดขายได้เติบโตต่อเนื่อง

***คนไทยปรับตัวเลือกใช้ตามรูปแบบกิจกรรมมากขึ้น

สำหรับในตลาดประเทศไทย ถ้านับเฉพาะในตลาดสมาร์ทวอทช์ที่มีความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพ รองรับการทำกิจกรรมที่หลากหลาย สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเพื่อใช้งานได้นั้น ปัจจุบันมีผู้เล่นรายหลักๆ อยู่ 2 ส่วนคือ ฝั่งของแบรนด์มือถือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple Samsung OPPO Xiaomi Huawei ตามด้วยฝั่งของแบรนด์สมาร์ทวอชท์โดยเฉพาะอย่าง Garmin Amazfit

หรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด การ์มิน ประเทศไทย

บรรยากาศงานสาธิตการใช้  EPIX Pro และ FENIX 7 Pro

อีกบรรยากาศงานสาธิตการใช้ EPIX Pro และ FENIX 7 Pro
ที่กลายเป็นว่าในปัจจุบันฟังก์ชันการตรวจจับเพื่อสุขภาพอย่างการนับก้าว ตรวจจับการออกกำลังกาย การนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ จนถึงขั้นสูงขึ้นมาอย่างการวัดออกซิเจนในเลือด และการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กลายเป็นความสามารถพื้นฐานที่ให้มาในสมาร์ทวอทช์แทบทุกรุ่นอยู่แล้ว

จุดต่างหลักเลยอยู่ที่การนำข้อมูลสุขภาพเหล่านั้นมาแสดงผลให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ต่อได้ อย่างใน Samsung Galaxy Watch 6 มีการให้คะแนนการนอนหลับเพื่อให้ผู้ใช้รับรู้ได้ว่าการนอนในแต่ละวันเป็นอย่างไร เทียบเป็นคะแนนกับวันก่อนหน้าได้ เพื่อหาข้อแตกต่าง หรือในแง่ของการออกกำลังกาย ผู้ใช้สามารถเข้าไปกำหนดโซนของอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อให้นาฬิกาสามารถแจ้งเตือนเพิ่มเติมให้รักษาจังหวะการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่ต้องการ

โดยแน่นอนว่าถ้าเจาะเข้ามาในกลุ่มของผู้ที่ใช้งานสมาร์ทวอทช์สำหรับการออกกำลังกาย ปัจจุบัน การ์มิน (Garmin) นับเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคมั่นใจ และเลือกใช้งาน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา Garmin ได้มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นนาฬิกาสำหรับสายฮาร์ดคอร์ หรือเฉพาะผู้ชายอย่างเดียวอีกต่อไป

EPIX Pro
หรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด การ์มิน ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า เทรนด์ของการออกกำลังกายในลักษณะของกิจกรรมเอาต์ดอร์เริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Garmin สามารถเติบโตได้ในระดับ 2 ดิจิตตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

“ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสมาร์ทวอทช์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะกลุ่มเพิ่มมากยิ่งขึ้น อย่างที่การ์มินเป็นผู้นำอยู่ในตอนนี้คือกลุ่มของนักวิ่ง ที่มีสมาร์ทวอทช์ในรุ่น Forerunner เป็นรุ่นหลัก โดนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามียอดผู้ใช้งานที่แอ็กทีฟในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 65%”

ขณะเดียวกัน ด้วยรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป การที่ผู้บริโภคที่แต่เดิมเลือกใช้สมาร์ทวอทช์รุ่นทั่วไป จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้งานรุ่นที่เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น ทำให้ในภาพรวมมูลค่าของตลาดสมาร์ทวอทช์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีการแยกใช้งานที่ชัดเจนจากสมาร์ทแบนด์ หรือสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพทั่วไป

ปัจจุบัน การ์มินถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มของสมาร์ทวอทช์เพื่อใช้ในกิจกรรมเฉพาะทางอย่างการวิ่ง การตีกอล์ฟ กิจกรรมดำน้ำ ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน พร้อมกับการที่เพิ่มตัวเลือกขนาดเรือนให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทุกกลุ่ม

FENIX 7 Pro
โดยก่อนหน้านี้ จากข้อมูลของ GIS ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มินในประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานนาฬิกาในไทยมากกว่า 1.3 ล้านเรือน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในประเทศไทยได้อย่างชัดเจน

ล่าสุด การ์มินได้ขยายสินค้าในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย อย่าง Fenix 7 Pro ซีรีส์ ที่เน้นตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบทั้งกีฬาในร่ม และกลางแจ้ง ที่สามารถคำนวณการออกกำลังกายออกมาเป็นคะแนน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสมรรถนะของตนเองมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเพิ่มขนาดตัวเรือนให้เลือกใช้ตั้งแต่ 42 มม. 47 มม. และ 51 มม. ในราคาเริ่มต้น 32,990 บาท

ส่วนอีกกลุ่มคือ EPIX Pro ที่เป็นสมาร์ทวอทช์สำหรับกิจกรรมเอาต์ดอร์ ในรูปลักษณ์หรูหรา เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมจุดเด่นหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED มีให้เลือก 3 ขนาดตัวเรือนเช่นกัน วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 36,690 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น