xs
xsm
sm
md
lg

สรุปเปิดตัว Galaxy Z Flip 5 | Fold 5 ราคาแพงขึ้น เริ่ม 39,900 บาท พร้อมจับเครื่องจริงทุกสี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซัมซุง (Samsung) เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับที่เป็นแฟลกชิปในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมกันทั้ง Galaxy Z Flip 5 และ Galaxy Z Fold 5 ที่ในปีนี้ ไฮไลท์สำคัญไปอยู่กับ Flip 5 ที่มีหน้าจอแสดงผลด้านนอกใหญ่ และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ส่วน Fold 5 ปรับแค่บาง เบา ทั้งสองรุ่นมากับชิปเซ็ตใหม่ Snapdragon 8 Gen 2 แรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น


สำหรับราคาเปิดตัวของ Galaxy Z Flip 5 มีการปรับเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า พร้อมกับการเลือกทำตลาดเพียงแค่รุ่น 256 GB และ 512 GB เท่านั้น ในราคา 39,900 บาท และ 45,900 บาท ตามลำดับ มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี เขียวมิ้น ดำกราไฟต์ ม่วงลาเวนเดอร์ และขาวครีม


ส่วน Galaxy Z Fold 5 เปิดราคาเท่ากับรุ่นปีที่ผ่านมา และมีการเพิ่มความจุสูงสุดขึ้นมา ทำให้มีวางจำหน่ายตั้งแต่รุ่น 256 GB 512 GB และ 1 TB ในราคา 59,900 บาท 65,900 บาท และ 75,900 บาท มีให้เลือก 3 สี ฟ้าไอซี่บลู ดำแฟนท่อมแบล็ก และขาวครีม

***Flip 5 Cover Screen ขนาดใหญ่ 3.4 นิ้ว


การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในการเปิดตัวครั้งนี้ คือการที่ Samsung ปรับโฉมจอแสดงผลภายนอกของ Galaxy Z Flip 5 ให้เต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น จากเดิมใน Flip 4 อยู่ที่ 1.9 นิ้ว ขยับขึ้นมาเป็น 3.4 นิ้ว ในปีนี้ ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ให้อัตราการแสดงผลที่ 60 Hz

สิ่งที่ปรับปรุงตามมาคือรูปแบบการใช้งาน Cover Screen ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการปรับแต่งธีม ใส่สีพื้นหลัง ขยับตำแหน่งไอค่อนต่างๆ จนถึงการเพิ่มรูปเข้าไปแสดงผล เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานปรับแต่งหน้าจอภายนอกได้อย่างเต็มที่


นอกจากนี้ ในส่วนของ Widgets ยังมีเพิ่มเติมเข้ามาจากเดิมที่ใช้แสดงผลข้อมูลต่างๆ การแจ้งเตือน พยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมาย หน้าจอสายเรียกเข้า ปุ่มควบคุมเพลง ยังสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ IoT ในอีโคซิสเตมส์ของ SmartThings หรือดูสายเรียกเข้าล่าสุด เพื่อใช้โทรฯ ร่วมกับหูฟังบลูทูธโดยไม่ต้องกางหน้าจอ


ส่วนแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้ในช่วงแรก จะรองรับทั้ง LINE, YouTube, Netflix, Google Maps, Spotify, Message, Whatsapp เป็นต้น ที่สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ อย่างแผนที่ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาที่ต้องใช้นำทางระหว่างเดินไปยังจุดหมายปลายทาง ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกางหน้าจอพับขึ้นมา หรือการตอบข้อความต่างๆ ก็จะมีคีย์บอร์ดขนาดเล็กขึ้นมาให้พิมพ์ได้เลย


โดยซัมซุง ยังให้ข้อมูลว่าในช่วงเดือนสิงหาคม ผู้ใช้งาน Flip 5 จะสามารถติดตั้งแอปฯ Good Lock เพิ่มเติม เพื่อเรียกใช้งานแอปฯ บนหน้าจอหลักได้อีก 5 แอปพลิเคชัน ตามที่ต้องการ รวมถึงใช้ในการปรับแต่งวิตเจ็ทต่างๆ เพิ่มเติมด้วย


พร้อมกันนี้ จอนอกของ Flip 5 ยังรองรับการถ่ายภาพได้ครบทุกโหมดแล้วทั้งการถ่ายภาพนิ่ง ภาพบุคคล วิดีโอ เลือกปรับระยะเลนส์ได้ทั้งมุมปกติ และมุมกว้าง จากกล้องหลักคู่ 12 ล้านพิกเซล ได้ทันที ทำให้สามารถใช้เซลฟี่ หรือวางเป็นขาตั้งถ่ายภาพได้สะดวกขึ้น

ส่วนภายในของ Flip 5 ยังมากับหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว มีกล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล เหมือนเดิม โดยสามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้จากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่อง หรือใช้กล้องหน้าในการปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ด้วย

***ปรับบานพับใหม่ทั้ง Flip 5 และ Fold 5


อีกจุดที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่เช่นกันคือเรื่องของบานพับตัวเครื่อง ที่พัฒนามาเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว โดยในรอบนี้ซัมซุง หันมาใช้กลไกการพับแบบหยดน้ำ ทำให้เวลาพับตัวเครื่องแล้วแนบสนิทเป็นครั้งแรก พร้อมกับการเพิ่มจุดกระจายแรงกระแทกบนหน้าจอ ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นทั้งใน Galaxy Z Flip 5 และ Fold 5


แต่สิ่งที่แลกมาด้วยคือรอยพับของตัวเครื่องบนหน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ตามรอยของหยดน้ำ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการใช้งานยังถือว่าไม่ได้มีผลกระทบกับการรูดนิ้วไปมาบนหน้าจอแต่อย่างใด


สำหรับวัสดุที่ Samsung นำมาใช้งานกับทั้ง 2 รุ่นคือกระจกหน้าจอภายนอก และกระจกหลังจะเลือกใช้เป็น Gorilla Glass Victus 2 ที่มีความแข็งแรงมากขึ้น ส่วนตัวเฟรมเครื่องจะใช้เป็น Armor Aluminum ซึ่งเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงสูง

***Fold 5 เบาขึ้น รองรับ S Pen เหมือนเดิม


ในส่วนของ Galaxy Fold 5 การปรับปรุงหลักที่รู้สึกได้คือเรื่องของน้ำหนักตัวเครื่องที่ลดลงมาเหลือ 253 กรัม พร้อมกับตัวเครื่องที่บางลงเหลือ 13.4 มม. และเมื่อกางหน้าจอแล้วเหลือบางเพียง 6.1 มม. เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเครื่องจะบางลง แต่สัมผัสที่ได้ยังให้ความรู้สึกที่แข็งแรงเหมือนเช่นเดิม แสดงให้เห็นว่าซัมซุง ทำการบ้านในจุดนี้มาได้ดีมาก เพราะหนึ่งในข้อกังวลสำคัญของสมาร์ทโฟนจอพับคือเรื่องของความทนทานในการใช้งาน เพราะตัวเครื่องมีขนาดใหญ่


โดย Fold 5 จะยังคงใช้หน้าจอแสดงผลภายนอกขนาด 6.2 นิ้ว เป็น Dynamic AMOLED 120 Hz และภายในขนาด 7.6 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X 120 Hz เช่นเดิม เช่นเดียวกับชุดกล้องที่มากับกล้อง 5 ตัว คือกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล เลนส์ซูม 10 ล้านพิกเซล กล้องหน้าด้านนอก 10 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าใต้จอ 4 ล้านพิกเซล


ดังนั้นในภาพรวมแล้ว Fold 5 ถือว่าเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าไม่กี่จุดเท่านั้น ใครที่ใช้งานรุ่นเดิมอย่าง Fold 3 และ Fold 4 อยู่ ถ้าเครื่องยังใช้งานได้ ก็แทบไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าใครใช้รุ่น 1 หรือ 2 กำลังมีแผนที่จะเปลี่ยนก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ได้ไม่ยาก


เพราะในแง่ของการใช้งาน Fold 5 ถือว่าโดดเด่นในเรื่องของ Multi-Tasking อยู่แล้ว อย่างการเปิดหลายหน้าจอใช้งานพร้อมกัน และยังคงรองรับการใช้งานคู่กับ S Pen เช่นเดิม โดยในปีนี้ ซัมซุง ได้พัฒนา S Pen ให้มีขนาดเล็กลง และวางจำหน่ายคู่กับเคสที่มีช่องเก็บปากกามาให้ใช้งานด้วย

***ขุมพลังระดับแฟลกชิป


สำหรับหน่วยประมวลผลภายในของ Galaxy Z Flip 5 และ Galaxy Z Fold 5 จะทำงานบนชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของปีนี้ ทำให้รองรับการใช้งานได้ครบถ้วนทั้งการทำงาน เล่นเกม หรือความบันเทิงต่างๆ และตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นกันน้ำ IPX8 ด้วย

ความต่างเล็กน้อยของ 2 รุ่นจะอยู่ตรงที่ Flip 5 มากับ RAM 8 GB ให้แบตเตอรีมา 3,700 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W ส่วน Fold 5 มากับ RAM 12 GB มีการเพิ่มพื้นที่ของแผ่นระบายความร้อน Vapor Chamber ใหญ่กว่าเดิม 30% ทำให้ใน Fold 5 สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า แบตเตอรี 4400 mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W เช่นกัน

ทั้ง 2 รุ่นทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบด้วย One UI 5.1.1 ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งสีสัน เพื่อแสดงความเป็นตัวตนได้ง่ายขึ้น รวมถึงเน้นในเรื่องของความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน ที่ระบบจะมีการถามเพื่อยืนยันในการเข้าถึงข้อมูลจากแอปพลิเคชันเมื่อเปิดใช้งาน
















กำลังโหลดความคิดเห็น