OPPO เผยการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยยังรุนแรง เพียงแต่ตลาดรวมมีโอกาสลดลง เนื่องจากหลังค่ายมือถือควบรวมโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือลดการลงทุนอุดหนุนค่าเครื่อง-แพกเกจราคาสูงขึ้น กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค ล่าสุดดัน OPPO Reno10 Series เจาะตลาด 13,990-27,990 บาท
ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหารออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปีนี้มีโอกาสที่ยอดขายทั่วประเทศจะลดลง เนื่องจากการที่โอเปอเรเตอร์เหลือ 2 บริษัทหลัก ทำให้ลดการ subsidize ส่วนลดมือถือลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาแนวโน้มการลงทุนของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยลดการลงทุนลง และไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการสร้างกำลังซื้อให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเมื่อไม่มีส่วนลดที่น่าดึงดูดใจจะทำให้เกิดการชะลอการซื้อเครื่องรุ่นใหม่ได้”
เมื่อตลาดที่โอเปอเรเตอร์เข้ามาช่วยสนับสนุนส่วนลดหายไป หรือให้ส่วนลดไม่มากพอ ประกอบกับค่าบริการรายเดือนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้กลายเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนมีจำนวนลดลง เพราะเมื่อไม่มีแรงจูงใจในการเปลี่ยนเครื่องใหม่ จะส่งผลต่อเนื่องไปตลาดอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น แต่ OPPO มองว่าตลาดประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของภูมิภาคนี้ เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจกับเทคโนโลยี และในระดับพรีเมียมยังมีกำลังซื้ออยู่ต่อเนื่อง ทำให้หลายๆ แบรนด์ใหม่สนใจเข้ามาทำตลาดในไทย
“การแข่งขันในตลาดมือถือยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อเกิดการแข่งขันทำให้เกิดกระแสขึ้น ผู้บริโภคจะหันมาให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟน และเมื่อต้องเลือกซื้อใช้งานก็จะนึกถึงแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีตัวเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งาน”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน OPPO ถือเป็นผู้นำอันดับ 2 ในตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทย จากข้อมูลในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นว่าตลาดสมาร์ทโฟนในไทยลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 25.7% ทำให้ OPPO มีการปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอมือถือเข้าสู่ตลาดให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค อย่างการนำ OPPO Find N2 Flip เข้ามาสร้างสีสันให้ตลาดสมาร์ทโฟนจอพับ และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ต่อเนื่องด้วยการนำเสนอ Reno10 Series ที่เปิดตัวล่าสุด เข้าไปครอบคลุมตลาดตั้งแต่หมื่นต้นๆ จนถึง 3 หมื่นบาท ซึ่งเป็นการขยายไลน์สินค้าในกลุ่ม Reno ให้เข้าสู่แฟลกชิปมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ Reno ซีรีส์ จะได้รับการตอบรับที่ดีในช่วง 10,000-20,000 บาท
เบื้องต้น OPPO ตั้งเป้าในการทำตลาด OPPO Reno10 ซีรีส์ ที่จะมาช่วยขยับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปให้เพิ่มมากขึ้น โดยคาดหวังว่าทั้ง 3 รุ่นจะได้รับความนิยมในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ Reno10 Pro+ ที่อยู่ในระดับแฟลกชิปสร้างรายได้รวมที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา OPPO ตัดสินใจที่จะไม่นำสมาร์ทโฟนในตระกูลแฟลกชิปอย่าง Find X6 ซีรีส์ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ทุ่มงบการตลาดไปกับสมาร์ทโฟนจอพับอย่าง Find N2 Flip แทน ซึ่งกลายเป็นว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของ OPPO ในปีนี้
สำหรับ OPPO Reno10 Series 5G ที่เปิดตัวมา 3 รุ่นย่อย จะชูจุดเด่นที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับราคาน่าสนใจ 13,990 (Reno10) 17,990 (Reno10 Pro) 27,990 บาท (Reno10 Pro+) โดยมีกล้องหลักครบทั้ง 3 ระยะ คือ มีเลนส์ซูม (Telephoto) มาให้ด้วย แตกต่างจากแบรนด์อื่นที่มักจะให้เลนส์ 2 ระยะอย่างเลนส์ปกติ และเลนส์มุมกว้าง
พร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพเซลฟี่ ที่ OPPO Reno ซีรีส์ มีความโดดเด่นจากการเป็น The Portrait Expert ซึ่งในปีนี้ ได้ ‘เบลล่า-ราณี แคมเปน’ กลับมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยโปรโมต และผลักดัน Reno10 Pro+ เข้าสู่ตลาดไฮเอนด์ ด้วยการเลือกใช้ชิปเซ็ตระดับแฟลกชิป Snapdragon 8+Gen1