ผู้จัดการรายวัน 360 - โอคูระ (OCCURA) ศูนย์บริการแว่นตาและเลนส์เฉพาะบุคคลแบบครบวงจร เผยเลนส์โปรเกรสซีฟขึ้นแท่นกลุ่มผลิตภัณฑ์โตแบบก้าวกระโดด ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกลุ่มแว่นสายตาค้าปลีก 25% คาดปี 66 มีแนวโน้มโต สอดรับวิถีคนทำงานและไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลปัจจุบัน จับกลุ่มวัย 40 ปีขึ้นไป ชี้เป็นช่วงอายุที่ฟังก์ชันการโฟกัสภาพของดวงตาเริ่มเสื่อมถอย
นายธนัฐณ์ วิทย์ภิรมย์ ผู้บริหารร้านแว่นตาโอคูระ (OCCURA) กล่าวว่า ปัจจุบันเลนส์โปรเกรสซีฟมุ่งตอบโจทย์การใช้งานกลุ่มผู้บริโภคอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน ที่แต่ละวันเน้นใช้สายตาในการทำงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มช่วงอายุที่ฟังก์ชันการโฟกัสภาพของดวงตาเริ่มเสื่อมถอย หรือที่เรียกว่า “การเพ่ง” (Accommodation) เริ่มลดประสิทธิภาพลงเมื่ออายุมากขึ้น ไม่สามารถโฟกัสภาพในระยะใกล้ได้ บวกกับความเสื่อมจากการใช้สายตาอย่างหนัก โดยเฉพาะจากพฤติกรรมกระตุ้น เช่น การจดจ่อบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานในแต่ละวัน นำไปสู่ภาวะสายตายาวตามวัย (Presbyopia)
ด้วยจุดเด่นของเลนส์โปรเกรสซีฟที่สามารถให้ความคมชัดทุกระยะ ทั้งระยะไกล กลาง และใกล้ ตอบโจทย์ผู้บริโภควัยทำงานอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาทางสายตาในหลายระยะ กระตุ้นความต้องการตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์โปรเกรสซีฟขยับขึ้นแท่นครองส่วนแบ่งตลาดแว่นสายตาค้าปลีกถึง 25% ในปี 2565 พร้อมกันนี้ ด้วยไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ยากต่อการหลีกเลี่ยงใช้สายตาจดจ้องไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดจะกระตุ้นความต้องการเลนส์โปรเกรสซีฟในตลาดมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีนี้
ทั้งนี้ ความต้องการในตลาดที่พุ่งสูงขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย มาพร้อมกับอุปสรรคการสวมใส่เลนส์โปรเกรสซีฟที่หลากหลายขึ้นเช่นเดียวกัน OCCURA พบ 3 ปัญหาหลักที่ผู้บริโภคเผชิญในการสวมใส่ก่อนที่จะเข้ามาได้รับการดูแลจากนักทัศนมาตรและช่างผู้เชี่ยวชาญในการฟิตติ้งแว่นตาของทางร้าน OCCURA คือ
1. ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน โดยเฉพาะระยะเริ่มต้นใช้งานช่วงอายุ 39-45 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีอาการสายตายาวตามวัย และไม่ทราบถึงปัญหาทางสายตาของตนเอง รวมถึงไม่มีประสบการณ์การเข้ารับคำปรึกษาจากนักทัศนมาตรในการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟที่ตอบโจทย์ปัญหาและเหมาะสมในการใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีจำนวนมากถึง 40%
2. มีความวิตกกังวลในการปรับตัวเมื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีจำนวน 40% เท่าๆ กับกลุ่มแรก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยสวมใส่เลนส์โปรเกรสซีฟ และไม่ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการเลือกประเภทเลนส์ที่เหมาะสมกับค่าสายตา หรือเลือกประเภทเลนส์ตามคนในครอบครัวหรือเพื่อน ส่งผลให้เมื่อตัดเลนส์โปรเกรสซีฟไปแล้วไม่สามารถใช้งานได้อย่างสบายตาตามที่คาดหวัง
3. เผชิญปัญหาระยะของเลนส์ไม่สอดรับกับปัญหาสายตาหรือสรีระใบหน้า ที่เกิดจากความผิดพลาดในการวิเคราะห์คำนวณการฟิตติ้งกรอบและเลนส์ ส่งผลให้เกิดความไม่สบายตาในการมองเห็นเท่าที่ควร ซึ่งพบผู้บริโภคกลุ่มนี้ประมาณ 20%
ปัจจุบัน เลนส์โปรเกรสซีฟ โดดเด่นด้วยวัสดุพื้นผิวเลนส์ที่ถูกออกแบบให้มีการเปลี่ยนแปลงความโค้งในเลนส์ชิ้นเดียวแบบไร้รอยต่อ พร้อมการออกแบบโครงสร้างที่แบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก คือ ‘Hard Design’ และ ‘Soft Design’ มีจุดเด่นที่เหมาะสมต่อการใช้งานที่ต่างกัน โดยโครงสร้าง Hard Design ให้รายละเอียดการมองภาพระยะไกลและใกล้คมชัดเฉพาะในจุดที่โฟกัส เพราะจะมีการเกลี่ย Unwanted cylinder เข้าไปรวมกันบริเวณด้านข้าง ส่งผลให้ภาพด้านข้างมัว และอาจบิดเบือนจากปกติ เพราะฉะนั้นเวลาสวมใส่ หากเหลือบมองด้านข้างเร็วๆ อาจเกิดอาการเห็นภาพวูบวาบ จึงต้องใช้เวลาในการปรับตัว สำหรับเลนส์แบบ Soft Design สัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายตาขณะสวมใส่ ให้ความคมชัดของภาพโดยรวมแบบไม่โฟกัสอยู่แค่จุดใดจุดหนึ่ง การมองภาพจึงวูบวาบน้อยกว่า และอาจใช้เวลาในการปรับตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งต้องแลกกับการมองไกล-ใกล้ที่มีความคมชัดลดลงเล็กน้อย
“ปัจจุบันเลนส์โปรเกรสซีฟหลายแบรนด์มุ่งเดินหน้าพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการดึงคุณสมบัติ Hard และ Soft design มาทำงานร่วมกันเพื่อประสบการณ์ในการใช้เลนส์ที่ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ เพื่อสอดรับกับความต้องการผู้บริโภคที่แตกต่าง OCCURA ขนทัพแบรนด์เลนส์โปรเกรสซีฟชั้นนำยอดนิยมมากกว่า 5 แบรนด์ เช่น เลนส์ในรูปแบบ Modern Soft design โดยแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น เช่น Nikon และ Hoya เลนส์ในรูปแบบ Modern Hard Design จากเยอรมนี เช่น แบรนด์ Rodenstock และ Zeiss นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบ Balance Design จากฝรั่งเศส อาทิ แบรนด์ Essilor และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมายให้นักทัศนมาตร และผู้ที่ต้องการได้รับการดูแลสายตาพิจารณาเลือกตามปัญหาสายตาของแต่ละบุคคล ภายใต้แนวคิด “แว่นตาและเลนส์เป็นสิ่งที่ออกแบบเฉพาะบุคคล “One size ไม่สามารถ fit all” ที่ OCCURA ยึดเป็นหลักในการให้บริการมาโดยตลอด” นายธนัฐณ์กล่าว