แอดไวซ์ฯ วางภาพระยะยาวขยายฐานลูกค้าช่องทางออนไลน์-องค์กร เพื่อรับกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่เกิดขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตในตลาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนเป้าหมายธุรกิจปีนี้คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าการเติบโต 25% หรือ 19,000 ล้านบาทได้ตามที่วางไว้
ณัฎฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด กล่าวถึงแนวทางการทำตลาดของแอดไวซ์ฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า จะเน้นการขยายสาขาเข้ามาในกรุงเทพฯ ค่อนข้างเยอะ พร้อมกับปรับฐานกลุ่มลูกค้าไปสู่ระดับกลาง-บนมากขึ้น รวมถึงเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มเจน Z ที่มีพื้นฐานความรู้ไอที มีความต้องการใช้งานเทคโนโลยีสูง สามารถนำสินค้าไอทีเข้าไปช่วยในการทำงาน
“ที่ผ่านมา Advice เริ่มต้นจากการนำความคิดเห็นของลูกค้ามาปรับปรุงเพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และจะยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับกลับไปเมื่อเข้ามารับบริการที่สาขา”
สำหรับเป้าหมายในการเติบโตของแอดไวซ์ในปีนี้ คาดไว้ว่าจะเติบโตราว 25% คิดเป็นรายได้ราว 19,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากสาขาของแอดไวซ์ราว 58% ช่องทางออนไลน์ 19% สาขาแฟรนไชนส์ 14% และฝั่งธุรกิจองค์กร 9%
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี ที่ประเมินจากการกำลังซื้อที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่จากผลกระทบของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทั้งน้ำมันราคาขึ้นสูง ได้ส่งผลกระทบอย่างมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ต้องรอดูว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีการปรับเป้าหมายหรือไม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทางไอดีซีเคยประเมินกำลังซื้อของตลาดพีซีไว้ที่ราว 2.8 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดนั้นมีผลกระทบจากความขาดแคลนของสินค้าทำให้อาจจะไม่สะท้อนสภาพตลาดที่แท้จริง
ณัฎฐ์ กล่าวเพิ่มถึงประเด็นในการเข้าไปสนับสนุนการแข่งขัน The Match ที่แอดไวซ์ฯ เข้าไปร่วมเป็นสปอนเซอร์หลักนั้น ถ้ามองในแง่ของธุรกิจต้องยอมรับว่าไม่คุ้ม แต่ถ้ามองในแง่ของการสร้างสรรค์สังคม เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้เข้าถึงโอกาสต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด แอดไวซ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจในปีนี้ หลักๆ คือการปรับโฉมหน้าร้านเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า พร้อมเพิ่มสาขาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
“เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาเรียนรู้ และทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะรวมถึงสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์สำหรับเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ รวมถึงครีเอเตอร์ต่างๆ ประกอบกับการปรับปรุงร้านค้าออนไลน์ให้สะดวกขึ้น จากในช่วงปีที่ผ่านมามียอดขายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 1.5 เท่า โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ WFH ที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ เพื่อรับกับการเติบโตในอนาคตทางแอดไวซ์ฯ ที่ขยับเข้าสู่ตลาดองค์กรนั้น ในช่วงแรกจะเป็นการขายสินค้าแบบสำเร็จรูป แต่ในระยะยาวจะเริ่มเข้าสู่การนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมกับองค์กรธุรกิจทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ที่แน่นอนว่าต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ปรับโครงสร้างในการให้บริการที่เหมาะสม ส่วนช่องทางออนไลน์จะตอบโจทย์ในแง่ของการขายทั่วไป
ในส่วนของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เบื้องต้นประเมินว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2566 จากการที่ปัจจุบันผ่านขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมทางด้านการกำกับดูแลเรียบร้อยแล้ว กำลังเข้าสู่ช่วงของการแต่งตั้งคณะกรรมการ และที่ปรึกษาต่างๆ