HPE พัฒนา HPE GreenLake แพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ พร้อมเพิ่มความสามารถในการใช้งานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ รับยุคของการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล
พลาศิลป์ วิชิวานิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด (เอชพีอี) กล่าวว่า HPE เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่นำเสนอแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการและดึงข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจาก edge to cloud การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโตและส่งเสริมความเป็นผู้นำตลาดของเอชพีอี
“ในตลาดไฮบริดคลาวด์ HPE GreenLake มีความโดดเด่นในด้านความเรียบง่าย การเชื่อมโยงการใช้งานเป็นหนึ่งเดียว บริการคลาวด์ที่หลากหลาย และเครือข่ายพาร์ตเนอร์ วันนี้ เรากำลังสร้างความแตกต่างอีกครั้ง โดยตั้งเป้าให้ HPE GreenLake เป็นแพลตฟอร์มในอุดมคติสำหรับลูกค้าในการพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัยด้วยข้อมูลเป็นหลัก (Data-first modernization)”
จุดเด่นหลักของแพลตฟอร์ม HPE GreenLake คือรองรับการใช้งานคลาวด์มัลติคลาวด์จากทุกที่ ทั้งคลาวด์ในองค์กร (on-premise) ที่ edge, co-location และคลาวด์สาธารณะ
โดยที่ผ่านมา มีดีมานด์ในการใช้งานแพลตฟอร์มนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 HPE รายงานรายรับต่อเนื่องประจำปีที่ 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคำสั่งซื้อบริการ as-a-service เพิ่มขึ้นถึง 136% เมื่อเทียบปีต่อปี
นอกจากนี้ HPE ยังคงลงทุนและสร้างสรรค์นวัตกรรมใน HPE GreenLake อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานผ่านแพลตฟอร์มได้สะดวกขึ้น ด้วยการทำงานร่วมกับ Aruba Central ระบบจัดการเครือข่ายบนคลาวด์ที่ขับเคลื่อนโดย AI และเปิดประสบการณ์ใช้งานให้สะดวกขึ้นด้วยการลงชื่อเข้าใช้เพียงครั้งเดียว (single sign-on access) ผ่านแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัย เป็นไปตามกฎระเบียบ (Compliance) มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และปกป้องข้อมูลได้เต็มที่
“เอชพีอี เชื่อว่าพันธมิตรทางธุรกิจคือหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ การทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโซลูชันและบริการที่ดี และช่วยให้ลูกค้าปลดล็อกศักยภาพอย่างเต็มที่ จะทำให้สามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัลได้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม”
โดยล่าสุด HPE ได้เปิดตัว 12 บริการคลาวด์ใหม่ ทั้งบริการด้านเครือข่าย ข้อมูล การประมวลผลประสิทธิภาพสูง และการจัดการระบบประมวลผล ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดเตรียมบริการต่างๆ ได้ด้วยตนเองเพื่อให้เจ้าของธุรกิจและผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลมีความคล่องตัวในการสร้างและติดตั้งแอป บริการ และโครงการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน บุคลากรและทรัพยากรด้านไอทีต่างๆ จะมีเวลามากขึ้นในการทำงานเชิงกลยุทธ์และโฟกัสกับการสร้างแนวคิดริเริ่มที่มีคุณค่าต่อองค์กร โดยประหยัดเวลาในการปฏิบัติงานได้ถึง 98%