xs
xsm
sm
md
lg

การ์ทเนอร์คาดคลาวด์สาธารณะปี 2565 เงินสะพัด 5 แสนล้านดอลล์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การ์ทเนอร์เผย IaaS, DaaS และ PaaS คือ 3 ตลาดคลาวด์ที่มีมูลค่าใช้จ่ายเติบโตสูงสุดในปีนี้ คาดมูลค่าใช้จ่ายบริการคลาวด์สาธารณะของผู้ใช้ปลายทางปี 2565 พุ่งสูงเกือบ 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซิด นาณ รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า บริการคลาวด์คือขุมพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัลในปัจจุบัน โดยผู้บริหารไอทีสามารถจัดหาบริการคลาวด์ที่มีอยู่มากมายในตลาดได้ตามต้องการ และทุกคนกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะเพื่อใช้ขับเคลื่อนธุรกิจที่ต้องการ มีความเฉพาะเจาะจง และนำผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้ในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้องค์กร 

“ผลของประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นของบริการคลาวด์หลักๆ (Core Cloud Services) ทำให้องค์กรหันมาให้ความสำคัญกับความสามารถที่หลากหลายของระบบคลาวด์เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้ธุรกิจและการดำเนินงานภายในองค์กรได้โดยตรง ซึ่งบริการคลาวด์สาธารณะกลายเป็นส่วนสำคัญที่บังคับผู้ให้บริการนำมาใช้เพื่อรับมือกับความท้าทายทางสังคมและการเมือง เช่น ความยั่งยืนและอำนาจอธิปไตยของข้อมูล” 

การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายบริการคลาวด์สาธารณะของผู้ใช้ปลายทางทั่วโลกในปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้น 20.4% คิดเป็นมูลค่า 494.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากในปี 2564 ที่มีมูลค่า 410.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2566 มูลค่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : การ์ทเนอร์ (เมษายน 2565)
ขณะเดียวกัน การ์ทเนอร์คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายของผู้ใช้ปลายทางของบริการ Infrastructure-as-a-Service (หรือ IaaS) จะเติบโตสูงสุดในปีนี้ที่ 30.6% รองลงมา คือบริการ Desktop-as-a-Service (DaaS) ที่ 26.6% และตามมาด้วยบริการ Platform-as-a-Service (PaaS) ที่ 26.1% (ตามตารางที่ 1) ซึ่งการทำงานแบบไฮบริดกำลังกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ เปลี่ยนแนวทางการใช้โซลูชันประมวลผลไคลเอ็นต์แบบเดิม เช่น เดสก์ท็อปและอุปกรณ์อื่นๆ ในสำนักงาน ไปสู่บริการ DaaS ทำให้มูลค่าการใช้จ่ายบริการคลาวด์ในกลุ่มนี้เพิ่มสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 สอดคล้องกับความต้องการใช้ความสามารถต่างๆ ของคลาวด์เนทีฟโดยบัญชีผู้ใช้ปลายทางสำหรับบริการ PaaS เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 109.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ความสามารถของคลาวด์เนทีฟ เช่น การจำลองระบบคอมพิวเตอร์แบบเสมือน (Containerization), Database Platform-as-a-Service (dbPaaS) และเอไอ (AI) / แมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) มีคุณสมบัติที่สมบูรณ์กว่าการประมวลผลแบบการใช้คอมพิวเตอร์แบบธรรมดา (Commoditized Compute) เช่น IaaS หรือ Network-as-a-Service ซึ่งมีราคาแพงกว่าและเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขององค์กร” นาณ กล่าวเสริม

SaaS ยังเป็นตลาดบริการคลาวด์สาธารณะที่ใหญ่ที่สุด คาดว่าในปีนี้มีมูลค่าสูงถึง 176.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการ์ทเนอร์คาดว่ามูลค่าใช้จ่ายบริการคลาวด์ในกลุ่มนี้จะเติบโตคงที่ เนื่องจากองค์กรต่างๆ เข้าถึงบริการ SaaS หลากหลายอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น เข้าถึงผ่านคลาวด์มาร์เก็ตเพลส และยังแยกย่อยออกไปบริการอื่นๆ อีก รวมถึงแอปพลิเคชันอิสระ (Monolithic Applications) ไปจนถึง Composable parts อื่นๆ เพื่อรองรับกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (DevOps) ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง เช่น Hyperscale Edge Computing และ Secure Access Service Edge (SASE) สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ตลาดเทคโนโลยีอื่น เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดใหม่ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ

“ผู้นำไอทีที่ให้ความสำคัญกับคลาวด์และเข้าใจว่าคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่มอบโอกาสมากกว่าเป็นจุดจบขององค์กร จะประสบความสำเร็จในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลตามที่วางแผนไว้ เช่นเดียวกับองค์กรที่นำคลาวด์มาผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยีอื่นๆ ในเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน และทำให้เทคโนโลยีเกิดใหม่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น” นาณ กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น