ระวังแมวขโมยปลาย่าง จับตาประชุมบอร์ด NT 5 เม.ย.นี้ เคาะขายหุ้นดีแทค มูลค่าหมื่นล้านบาท หวังแต่งบัญชีไม่ให้ผลประกอบการปี 65 ขาดทุน หรือหวังเอื้อประโยชน์ให้ใคร สหภาพฯ ชี้ NT มีกระแสเงินสดกว่าแสนล้าน และหุ้นดีแทคยังมีอนาคตสามารถปันผลได้ปีละ 200-300 ล้านบาท คาดว่าราคาจะสูงกว่านี้เมื่อการควบรวมสำเร็จ ‘พงศ์ฐิติ’ ประธานสหภาพฯ ยื่นหนังสือต่อ ‘พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ’ ประธานบอร์ดคัดค้านนำวาระขายหุ้นดีแทคเข้าบอร์ดพิจารณา พร้อมเร่งบอร์ดทำหน้าที่กำหนดทิศทาง NT ทำให้การควบรวมเป็นเนื้อเดียวกัน หาคนเก่งมาบริหารงานและหา กจญ.คนใหม่โดยเร็ว
นายพงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า สหภาพฯ ได้ยื่นหนังสือขอคัดค้านการนำหุ้นบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่ถือครองอยู่ไปขายถึง ‘พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ’ ประธานกรรมการบริษัท (บอร์ด) NT เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทราบมาว่าจะมีการนำวาระการขายหุ้นดีแทคให้บอร์ดพิจารณาในวันที่ 1 เม.ย.2565 แต่มีการเลื่อนประชุมบอร์ดเป็นวันที่ 5 เม.ย.นี้แทน
ทั้งนี้ สหภาพฯ ขอคัดค้านการดำเนินการเรื่องดังกล่าวเนื่องจาก NT เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ในดีแทค และได้รับเงินปันผลปีละ 200-300 ล้านบาท และที่สำคัญหากยังคงถือครองหุ้นดีแทคต่อไป NT จะเป็นผู้ถือหุ้นคนสำคัญที่กำหนดทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อ NT ได้ และ NT สามารถใช้ช่องทางการถือครองหุ้นนี้ต่อรองกับผู้เล่นรายต่างๆ ในธุรกิจที่มีการแข่งขันได้ อีกทั้งหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเป็นหุ้นที่มีราคาดีในอนาคตต่อไป เพราะโครงข่ายสื่อสารจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นรองรับสังคมดิจิทัล ที่ทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้ในการเข้าถึงและใช้บริการ Digital services ในสังคมยุคอนาคตของโลก
นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงสภาพคล่องของกระแสเงินสดของ NT แล้ว จะพบว่า NT ยังมีสภาพคล่องที่ดี มีกระแสเงินสดกว่าแสนล้านบาท จากเงินสำรองหมุนเวียนจากการชนะคดีปกครอง เรื่องค่า AC/IC ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เดิม ประมาณ 60,000 ล้านบาท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เดิมอีก 50,000 ล้านบาท จึงไม่จำเป็นต้องขายสมบัติเก่าคือหุ้นดีแทคเพื่อให้องค์กรอยู่รอด
นายพงศ์ฐิติ กล่าวว่า การขายหุ้นดังกล่าว สามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุได้ 2 รูปแบบ คือ สาเหตุแรก บอร์ดต้องการทำให้ผลประกอบการ NT ไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ตามสไตล์การบริหารจัดการแบบ กสท โทรคมนาคม ที่เน้นการขายสมบัติเก่าทำให้ไม่ขาดทุนทางบัญชี เหมือนผลประกอบการที่ผ่านมาของ กสท โทรคมนาคม คาดว่าการขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้มีรายได้กว่าหมื่นล้านบาท นั่นคือการหลอกตัวเอง หลอกพนักงานให้เชื่อว่าบริษัทมีกำไร ทั้งๆ ที่ขาดทุน เหมือนผลประกอบการปี 2564 หากดูตัวเลขการดำเนินงานจริงๆ แล้ว NT ประสบปัญหาขาดทุน แต่เมื่อนำค่า USO ที่ได้คืนมาทำให้บริษัทมีกำไรทางบัญชี
อีกเหตุผลหนึ่งคือ อาจเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพราะเมื่อมีการควบรวมระหว่างทรูกับดีแทค จะมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ และอาจมีคนบางกลุ่มรอช้อนซื้อหุ้นที่ NT ขายเพราะยังไงเสียหุ้นต้องมีราคาขึ้นมากกว่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน
รวมทั้งยังมีบทวิเคราะห์ Industry Update เรื่อง ICT Sector ของวันที่ 21 มี.ค.2565 ให้คำแนะนำในแนวทางถือครองหุ้นดีแทคอยู่ หากมีผลกระทบทางบัญชีระยะสั้น แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับความสามารถในการจ่ายเงินปันผล และบทวิเคราะห์ยังคงแนะนำให้ถือครองหุ้นดีแทค มากกว่าหุ้นทรู และให้นักลงทุนจับตาวันสำคัญคือวันที่ 4 เมษายน 2565 หากการประชุมผู้ถือหุ้นโหวตผ่านมติ มีโอกาสที่หุ้นจะตอบสนองเชิงบวก
ดังนั้น สหภาพฯ จึงขอให้พิจารณาทบทวนแนวคิดหรือการดำเนินการของบอร์ดให้เก็บรักษาหุ้นดีแทค ให้พนักงานไว้ใช้ในยามจำเป็นในอนาคต เพื่อเป็นทุนสำรองของพนักงานในอนาคตต่อไป และขอเรียกร้องให้บอร์ดกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ NT ให้มีความชัดเจน กำกับดูแลงานควบรวมกิจการให้เป็นเนื้อเดียวโดยเร็ว และส่งเสริมผู้บริหารคนเก่งที่มีสมรรถนะความสามารถในการทำหน้าที่บริหาร และเร่งรีบการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่เพื่อให้การขับเคลื่อนองค์กรมีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนโดยเร็วและมีความโปร่งใส แยกงานการกำกับดูแลและงานบริหารออกจากกัน ไม่ใช่ให้บอร์ดมาทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างในตัวบุคคล หรือทีมเดียวกัน