xs
xsm
sm
md
lg

OPPO ควง Apple ไต่อันดับ? ตาราง Top 5 แบรนด์สมาร์ทโฟนโลกปี 64 เปลี่ยนแชมป์คึกคัก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตารางผู้ค้ารายใหญ่ “Top 5 แบรนด์สมาร์ทโฟนโลกปี 64” เปลี่ยนแปลงน่าตื่นเต้น พบออปโป้ (OPPO) ครองอันดับ 4 แซงวีโว่ (VIVO) ในการจัดอันดับสมาร์ทโฟนทั่วโลก ปี 2564 ผลจากยอดการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดระดับกลาง-ไฮเอนด์ ด้านแอปเปิล (Apple) ขยับขึ้นนำแชมป์แซงซัมซุง (Samsung) ซึ่งหล่นมาอยู่อันดับ 2 อย่างฉิวเฉียด

จากรายงานของ Canalys พบว่า ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนโลกปี 64 มีการเปลี่ยนแปลงอันดับผู้ค้ารายใหญ่ โดยอันดับ 5 คือวีโว่ที่หล่นลงจากอันดับ 4 เพราะถูกออปโป้แซงขึ้นไปได้สำเร็จ ขณะที่อันดับ 3 ยังเหนียวแน่นที่เสียวหมี่ (Xiaomi) ซึ่งเกาะเก้าอี้ไม่หลุดมือ โดยอันดับ 2 ของตารางคือซัมซุง ซึ่งเสียแชมป์ให้แอปเปิลไปครองอันดับ 1 แทน 

สถิติของ OPPO นั้นรวมแบรนด์ในเครืออย่างวันพลัส (OnePlus) ด้วย ทำให้แบรนด์รักษาตำแหน่งแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2564 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 11% โดยในปีที่ผ่านมา OPPO ชี้ว่าบริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์อย่าง OPPO Find X3 Series และ Reno series รุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ OPPO ยังได้เปิดตัว Imaging NPU ที่ออกแบบเองเป็นครั้งแรกอย่าง MariSilicon X และสมาร์ทโฟนแฟลกชิปจอพับเครื่องแรกอย่าง OPPO Find N การลงทุนอย่างต่อเนื่องของ OPPO ในด้านการวิจัยและพัฒนาและความมุ่งมั่นเพื่อผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ส่งผลให้ OPPO มีอัตราการเติบโตถึง 22% ต่อปีในการส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลก โดยเฉพาะการเติบโตที่แข็งแกร่งในยุโรปตะวันตกและเม็กซิโก 

ในตลาดยุโรป OPPO เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในภูมิภาค สถิติการส่งออกต่อปีเพิ่มขึ้นถึง 78% ในปี 2564 และ OPPO ยังคงลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา และอยู่เบื้องหลังการค้าเครือข่าย 5G SA แห่งแรกของยุโรปร่วมกับ Vodafone, Qualcomm และ Ericsson หลังจากเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2561 

ด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ OPPO ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก บริษัทพบว่าอัตราเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 94% และด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งของอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ทำให้ OPPO สามารถครองอันดับ 4 ในด้านการส่งออก โดยประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นในยุโรปตะวันตกในปี 2564 ได้แก่ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี อิตาลี สเปน และฝรั่งเศส (+71% YoY) นอกจากนี้ ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปีในการเข้าสู่ตลาดโรมาเนีย OPPO ได้กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีถึง 227% ในปี 2564

OPPO กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำของเม็กซิโกในช่วงราคา 400 ถึง 599 ดอลลาร์สหรัฐ และ 600 ดอลลาร์สหรัฐ ถึง 799 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตลาดเกิดใหม่ OPPO ยังครองอันดับ 4 โดยรวมในตลาดสมาร์ทโฟนในตะวันออกกลางและแอฟริกา โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 42% โดย OPPO มีการส่งออกอุปกรณ์จำนวนมากที่สุดในบรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในแอลจีเรียด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 304% นอกจากนี้ OPPO ยังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในแอฟริกาใต้ที่ 466% ต่อปี ส่งผลให้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ

หลังจากเวลาเพียง 2 ปี นับตั้งแต่การเข้าสู่ตลาดละตินอเมริกาครั้งแรก OPPO ยังคงขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยในเม็กซิโก OPPO ครองตำแหน่ง 5 อันดับสูงสุดของแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดขายดีที่สุดในประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 10% และมีอัตราการเติบโตต่อปี 429% ในปี 2564 นอกจากนี้ OPPO ยังได้เสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ให้บริการท้องถิ่นและมีการเปิดตัว Reno series ที่เป็นที่ชื่นชอบ โดย OPPO กลายเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนชั้นนำในเม็กซิโกในช่วงราคา 400 ถึง 599 ดอลลาร์สหรัฐ และ 600 ดอลลาร์สหรัฐ ถึง 799 ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับเอเชีย-แปซิฟิก OPPO เชื่อว่าบริษัทยังครองตำแหน่งระดับสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นจีนแผ่นดินใหญ่) ในปี 2564 โดยครองอันดับ 4 ในภูมิภาคด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 12% และอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระดับประเทศ OPPO เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดขายสูงสุดในอินโดนีเซีย และเป็นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในพม่าและเวียดนาม และ 3 อันดับสูงสุดในกัมพูชา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์

ด้านแอปเปิลนั้นมีรายงานว่าจะจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ โดยจะเป็นการเปิดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมซึ่งมีการแจ้งเกิดแล็ปท็อปแมคบุ๊กโปร (MacBook Pro) รุ่นใหม่ คาดว่าไฮไลต์ที่จะเปิดตัวคือไอโฟน (iPhone) และไอแพด 5G (iPad 5G) ราคาประหยัดตัวใหม่ รวมถึงอาจเป็นเดสก์ท็อปแมค (Mac) เครื่องใหม่ด้วย

ก่อนหน้านี้ รายงานของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ชี้ว่าแอปเปิลจะต่อยอดจากปัจจุบันที่วางจำหน่าย iPhone ราคาประหยัดภายใต้ชื่อ iPhone SE ซึ่งเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2020 และจำหน่ายในราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ (เริ่มที่ 14,900 บาท) โดย iPhone SE รุ่นล่าสุดเป็น iPhone ที่มีระบบเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ Touch ID มีโอกาสที่รุ่นใหม่ซึ่งกำลังเปิดตัวอาจจะมีรูปลักษณ์การออกแบบลักษณะเดียวกัน แต่มีโปรเซสเซอร์ที่เร็วกว่าและรองรับ 5G

การเปิดตัวสินค้าใหม่ในเดือนมีนาคมปีนี้ สะท้อนว่ารูปแบบการเว้นระยะเวลาเปิดตัวสินค้าของ Apple ยังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งปี 2020 บริษัทได้จัดงานอีเวนต์เปิดตัวสินค้าแบบถ่ายทอดสดออนไลน์ในเดือนมีนาคมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แอปเปิลไม่ออกมาตอบรับหรือปฏิเสธข่าวลือที่มีการรายงานในวงกว้าง โดยยังอุบเงียบไว้ตามธรรมเนียม


กำลังโหลดความคิดเห็น