จูนิเปอร์เน็ตเวิร์ก (Juniper) กระตุ้นตลาดเครือข่ายอัตโนมัติความปลอดภัยสูง ประกาศความร่วมมือบริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด หรือ “นิภาคลาวด์" เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีอยู่เพื่อรองรับโมเมนตัมการเติบโตของนิภาคลาวด์ แบบ Multi-sites และความต้องการของอุปกรณ์ปลายทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของประเทศไทย
ดร.อภิศักดิ์ จุลยา ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลครั้งใหญ่ โดยทั้งผู้บริโภคและองค์กรต่างเร่งเปลี่ยนผ่านสู่คลาวด์ ในขณะที่ประเทศขับเคลื่อนไปสู่ประเทศไทย 4.0 จึงสำคัญมากที่ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอย่างนิภาคลาวด์ จะต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นผู้นำ
"ด้วยการเป็นพันธมิตรกับจูนิเปอร์เน็ตเวิร์ก เราสามารถแนะนำประสิทธิภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายด้วยต้นทุนของคลาวด์ที่ต่ำลง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าและพันธมิตรของเราเข้าถึงบริการที่คล่องตัว คุ้มราคา และปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย”
นายเพอร์รี่ ซุย ผู้อำนวยการอาวุโส ภาคพื้นอาเซียน และไต้หวัน จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์ก กล่าวว่า จูนิเปอร์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับนิภาคลาวด์ เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรต่างๆ ในประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นิภาคลาวด์เองมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเทคโนโลยีของประเทศ
"ด้วยวิธีการสร้างเครือข่ายที่เน้นประสบการณ์จากจูนิเปอร์ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้นิภาคลาวด์ส่งมอบบริการพร้อมโซลูชันระดับโลกให้ลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นตัวหลังโรคระบาด เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง"
นิภาคลาวด์ ในฐานะผู้ให้บริการ Public Cloud และ Private Cloud ด้วย OpenStack และ Tungsten Fabric เต็มรูปแบบรายแรกของไทย มีความพร้อมที่จะนำเสนอโซลูชันคลาวด์ที่ล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ทัดเทียมกับโซลูชันจากผู้ให้บริการระดับโลก (Hyperscale Cloud Providers) ในขณะเดียวกัน นิภาคลาวด์ได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้านเน็ตเวิร์กและความปลอดภัยที่ไม่เหมือนใครให้ตลาดในไทยด้วยความยืดหยุ่นที่เพิ่มมากขึ้น (Auto Scaling) พร้อมโซนใช้งานให้เลือกแบบแยกส่วน (Multiple availability zones - AZ) ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในประเทศในฐานะผู้ให้บริการคนไทยได้เป็นอย่างดี
ด้วยแนวทาง 'Glocalization' นี้ โซลูชันระบบคลาวด์ที่นิภาคลาวด์ได้รับรางวัล สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังเกิดโรคระบาด COVID-19 เป็นแรงผลักดันเพิ่มเติมที่กระตุ้นให้ภาคธุรกิจไทยเล็งเห็นความสำคัญของนวัตกรรม (Innovation) และการลงทุนไปสู่การใช้จ่ายด้านคลาวด์มากขึ้น การใช้จ่ายของประเทศไทยในด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์คาดว่าจะเติบโตกว่าการคาดการณ์ของการเติบโตทั่วโลก โดยในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 28.2% โดยบริการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure-as-a-Service) จะมีตัวเลขการเติบโตสูงสุด เนื่องจากองค์กรธุรกิจไทยได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานและโยกย้ายระบบไอทีที่ซับซ้อนขึ้นสู่ระบบคลาวด์ เพื่อตอบรับการทำงานทางไกล (Remote Working Environment) ให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากการยกระดับระบบเครือข่ายอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ พร้อมกับความต้องการใช้บริการคลาวด์ของบริษัทไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว นิภาคลาวด์จึงได้นำโซลูชัน EVPN-VXLAN ของจูนิเปอร์เน็ตเวิร์ก ด้วยสวิตช์ QFX5120 และ MX10003/MX204 Series Universal Routing Platforms เพื่อเป็นการอัปเกรดเครือข่ายและ Data Center เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบนิภาคลาวด์ให้เหนือคู่แข่ง
การอัปเกรดอุปกรณ์เครือข่ายเหล่านี้ ทำให้นิภาคลาวด์ให้บริการแบบ Multi-sites location รวมถึง Edge Cloud ที่จะตามมาภายในสิ้นปี 2022 โดยสามารถใช้นโยบายเครือข่าย (Network Policy) เดียวกันได้หมด และเห็นทุกไซต์เป็นผืนเดียวกัน (Fabric Networking) ทั่วทั้ง Cloud Data Center ด้วยการใช้ Layer 2 และ 3 VPN ส่งผลให้ นิภาคลาวด์มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และรับโหลดของลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการปรับขนาด (Auto Scaling) และความปลอดภัยที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาบริการโครงสร้างระบบคลาวด์ (IaaS) ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบนี้นิภาคลาวด์เป็นองค์กรเดียวที่สร้างและพัฒนาขึ้นในประเทศไทย มี Ecosystem ที่เอื้อต่อการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์และระบบไอที ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างรวดเร็ว