การเติบโตของผู้ใช้เฟซบุ๊ก (Facebook) ถูกมองว่าอยู่ในช่วงซบเซา ขณะที่เม็ดเงินรายได้ก็เข้าข่าย "ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ"
แม้จะมีทั้งกำไรที่ไม่เป็นไปตามคาด และสถานการณ์น่าเป็นห่วงเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล (Apple) ที่อาจขัดขวางประสิทธิภาพการโฆษณา แต่ผู้บริหารเฟซบุ๊กยังมองโลกในแง่ดี โดยย้ำให้โลกเห็นความแข็งแกร่งของบริการรีลส์ (Reels) แหล่งรวมวิดีโอสั้นสไตล์ติ๊กต็อก (TikTok) บนเฟซบุ๊ก และวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นในการสร้างเมตาเวิร์ส (metaverse) ซึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการรีแบรนด์บริษัทเป็น "เมต้า" (Meta) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
***รายได้เพิ่มแค่ 20%
ไตรมาส 4 ปี 2021 ที่ผ่านมา Meta เผยตัวเลขว่าธุรกิจโฆษณาบนแพลตฟอร์มมีการเติบโตเพียง 20% (เมื่อเทียบเป็นรายปี) เบ็ดเสร็จรายได้รวม 36,200 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้ไม่เป็นไปตามคาดของนักวิเคราะห์ ส่งให้ภาพรวมของการคาดการณ์ตัวเลขไตรมาสแรกของปี 2022 ดูอ่อนแอ
นอกจากรายได้ สถิติผู้ใช้ยังสร้างความผิดหวังให้ผู้ถือหุ้น โดยผู้ใช้งานรายวัน (DAU) ของ Facebook เฉลี่ยคือ 1,930 ล้านราย (สถิติเดือนธันวาคม) เพิ่มขึ้น 5% ต่อปี ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับ DAU ที่รวบรวมได้ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มไม่มีการเติบโตในช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา
ภาวะเติบโตน้อยมากนี้เรียกความสนใจได้มาก เพราะสถิติไตรมาส 4 ถือเป็นการประกาศผลประกอบการครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น Meta สัญญาณที่เกิดขึ้นบอกชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทไม่เติบโตเพราะคู่แข่งรายใหม่กำลังดึงดูดผู้ใช้ใหม่ได้จำนวนมาก และยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาการชะลอตัวของธุรกิจในระยะสั้นที่ชัดเจน
เมื่อเผชิญกับอุปสรรคเหล่านี้ Meta จึงพยายามแก้ปัญหาด้วยการจัดลำดับความสำคัญด้านการลงทุน 7 ด้าน ได้แก่ บริการ Reels, การส่งข้อความในชุมชน, อีคอมเมิร์ซ, โฆษณา, ความเป็นส่วนตัว, ปัญญาประดิษฐ์ และเมตาเวิร์ส ซึ่งส่วนสุดท้ายนั้นเป็นเหตุผลของการรีแบรนด์ชื่อบริษัท และยังไม่เห็นผลและต้องใช้จ่ายเงินล่วงหน้าจำนวนมหาศาล จนส่งให้ธุรกิจเมต้าเวิร์สขาดทุนจากการดำเนินงาน 10,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2021
***Reels เติบโตเร็วที่สุด
บริการสไตล์ TikTok บน Facebook อย่าง Reels นั้นถูกยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพัฒนาการเป็นรูปธรรมมากขึ้น กลายเป็นพอร์ทัลวิดีโอสั้นที่เติบโตเร็วที่สุดของ Meta ท่ามกลางเสียงครหาว่า Meta ประสบความสำเร็จในการคัดลอกฟีเจอร์จากคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม Reels ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและปัจจุบันยังสร้างรายได้ในอัตราที่ต่ำกว่าบริการหลักอย่างฟีดข่าว
นอกเหนือจากนักการตลาดผู้ลงโฆษณา การชนะใจผู้บริโภครุ่นเยาว์ก็มีความสำคัญต่อการเดิมพันของ Reels และ Meta แน่นอนว่า TikTok เป็นอุปสรรคขวางคอรายสำคัญ ซึ่งจากสถิติชี้ว่าการใช้งาน TikTok รายสัปดาห์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 63% ในเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 13% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (ตามข้อมูลของ Forrester Research) ซึ่งแซงหน้าอินสตาแกรม (Instagram) ที่มีการใช้งานรายสัปดาห์ในกลุ่มผู้เดียวกันลดลงจาก 61% ในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 เป็น 57% ในปี 2021
นักวิเคราะห์สรุปว่า Meta กำลังต้องเดิมพันที่วิดีโอแบบสั้นใน 2 ส่วน คือการต้องเอาชนะคู่แข่งเพื่อโกยฐานผู้ชม Gen Z รวมถึงต้องหาวิธีสร้างรายได้จาก Reels ให้ดียิ่งขึ้นด้วย เพื่อให้สามารถกลบความล้มเหลวเรื่องการผลักดันการชอปปิ้งบนแพลตฟอร์ม ซึ่งทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างกูเกิล (Google) ซึ่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซได้มากกว่า
เดวิด เวห์เนอร์ (David Wehner) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Meta ยอมรับว่าอีคอมเมิร์ซเป็นพื้นที่ที่บริษัทเห็นการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทาย จุดนี้ ผู้บริหารอธิบายถึงช่องว่างที่เกิดขึ้นว่าเป็นผลจากซัปพลายเชน แรงงาน และเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายด้านโฆษณาและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
สถานการณ์เหล่านี้บอกชัดเจนว่า Facebook จะงัดพลังออกมาแก้ปม "ผู้ใช้-รายได้" โตน้อยเกินไปอย่างเต็มที่แน่นอน