xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประตูสู่ยุคดิจิทัลไปกับ Red Hat OpenShift / นครินทร์ เทียนประทีป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บทความโดย นายนครินทร์ เทียนประทีป ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด
สมัยก่อนเมื่อพูดถึงโอเพนซอร์สอาจทำให้เรานึกถึงโอเอสอย่างลีนุกซ์ จนมาถึงแอนดรอยด์ในยุคโมบิลิตี ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของโอเพนซอร์ส คือ การเข้าถึงโค้ดโปรแกรมได้ง่าย สามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมปรับปรุงได้รวดเร็ว ประหยัดต้นทุน และให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งปัจจุบันได้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบไอทีในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น

เร้ดแฮท ผู้นำเทคโนโลยีโอเพนซอร์ส ได้เผยแพร่ผลสำรวจเรื่อง “The State of Enterprise Open Source : A Red Hat Report” ไว้เมื่อปี 2563 โดยการสอบถามผู้นำฝ่ายไอทีในบริษัททั่วโลกราว 1,250 คน พบว่า องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส เพื่อเพิ่มความทันสมัยให้โครงสร้างพื้นฐานไอที 64% การพัฒนาแอปพลิเคชัน 54% และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล 53% โดยนิยมนำไปใช้กับ 3 ระบบหลัก คือ ระบบเครือข่าย 54% ฐานข้อมูล 53% ระบบความปลอดภัย 52% และเป็นการพัฒนาออกมาในรูปแบบเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์และคูเบอร์เนตีส


เร้ดแฮทยังกล่าวว่า คอนเทนเนอร์และคูเบอร์เนตีสสำคัญต่อกลยุทธ์การพัฒนาแอปพลิเคชันแบบคลาวด์-เนทีฟ ในฐานะกุญแจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล รวมถึงต่อยอดสู่การทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นอย่างเอดจ์ ไอโอที เว็บเซอร์วิส เอไอ หรือแมนชีนเลิร์นนิ่ง ซึ่งเริ่มมีการใช้งานมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคธุรกิจการเงิน และธุรกิจสุขภาพ

คอนเทนเนอร์กับแอปแบบคลาวด์-เนทีฟ

หลายองค์กรคงเคยตั้งคำถามว่า คอนเทนเนอร์จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างไร...?
เป็นที่รู้กันว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทำให้องค์กรต้องการแอปพลิเคชันบนหลักการทำงานของคลาวด์ซึ่งเน้นการสร้าง ติดตั้งใช้งาน และบริหารจัดการที่คล่องตัว แอปพลิเคชันแบบคลาวด์-เนทีฟที่มีเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ และคูเบอร์เนตีสเป็นแกนกลาง ได้สร้างกระบวนการพัฒนาแบบ DevOps เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนา ทีมทดสอบ ทีมความมั่นคงปลอดภัย ทีมดูแลระบบ และทีมส่งมอบการใช้งาน โดยทำให้

- ทีมพัฒนาและทดสอบแอปพลิเคชันสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของระบบในขั้นตอนการพัฒนา การผลิต และทดสอบระบบให้เป็นแบบเดียวกันได้เพื่อลดความผิดพลาด และทำให้ขั้นตอนการพัฒนาแบบ DevOps มีความชัดเจน และใช้เวลาสั้นลง
- เตรียมความพร้อมรองรับสถาปัตยกรรมแบบไมโครเซอร์วิส ซึ่งช่วยให้การพัฒนาระบบมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกปรับปรุงแยกย่อยเฉพาะบางระบบโดยไม่กระทบต่อระบบงานอื่น


- ปรับเปลี่ยนได้ง่ายขึ้นโดยไม่ยึดติดกับสภาพแวดล้อมการใช้งานมากนัก ทั้งการขยายระบบเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว หรือโยกย้ายใช้งานข้ามอินฟราสตรักเจอร์ได้ง่ายทั้งระบบในองค์กรหรือบนคลาวด์

- ลดปริมาณทรัพยากรโดยรวมที่ต้องใช้ในระบบได้ดีกว่าการใช้งานเวอร์ชวลแมชชีน (VM) เป็นหลัก
- ออกแบบระบบให้ทำงานทดแทนกันได้ง่ายกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มความทนทานให้แอปพลิเคชันโดยรวม

Red Hat OpenShift


แนวโน้มของการใช้งานเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ขององค์กรนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยข้อดีหลากหลายประการทั้งในเชิงเทคนิคและการลงทุน เร้ดแฮทเองถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกตลาดคอนเทนเนอร์ในองค์กรรายแรกๆ ได้พัฒนาโซลูชันที่เรียกว่า Red Hat OpenShift ซึ่งได้นำจุดเด่นของคอนเทนเนอร์และคูเบอร์เนตีสมาผสานและปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานภายในองค์กร รวมถึงการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบ Platform-as-a-Service (PaaS) โดยการรวบรวมเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาแอปพลิเคชันมาให้ครบ ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างเต็มที่


องค์กรยังสามารถใช้ OpenShift ในรูปแบบของ On-premise และบน Public Cloud ชั้นนำ ช่วยตอบโจทย์การทำ DevOps และมัลติคลาวด์ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทยิบอินซอย มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา รวมถึงการติดตั้งเพื่อให้องค์กรภาคธุรกิจพร้อมก้าวไปสู่โลกดิจิทัลอย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ กับ Red Hat OpenShift


กำลังโหลดความคิดเห็น