ครบรอบ 31 ปี ก้าวสู่ปีที่ 32 ของ AIS มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้แก่ประเทศ พร้อมผลักดัน Digital Ecosystem ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยประเทศรับมือความท้าทายแม้ยามวิกฤต เน้นย้ำ 5G ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังมีโอกาสอีกมหาศาล แต่ต้องทำงานแบบ 3 ประสาน ทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างเหนียวแน่น พร้อมชวนทุกภาคส่วนร่วมกำหนดอนาคตท่ามกลางโลกวิถีใหม่
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 31 ปีของ AIS เราได้มีส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงและติดอาวุธดิจิทัลให้แก่ประเทศ ด้วยเม็ดเงินกว่า 500,000 ล้านบาท ในการพัฒนา Digital Infrastructure และอีกกว่า 200,000 ล้านบาท สำหรับค่าใบอนุญาต
รวมไปถึงการสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล ทั้งในส่วนของพนักงานเอไอเอสเอง และผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ และท้ายที่สุดคือ ร่วมปลดล็อกการเข้าถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มด้วยเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมประเทศชั้นนำของโลก โดยถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะตัวแทนประเทศที่ทำให้ไทยมีชื่อปักหมุดอยู่ในกลุ่มผู้นำเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า ผ่านการจัดอันดับจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น Ookla Speed Test ที่จัดอันดับให้ AIS 5G เร็วที่สุดในประเทศไทย
"โครงข่าย 5G ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เท่ากับการสร้างโอกาสมหาศาลของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม โดยมีการประเมินว่าในปี 2025 มูลค่าของตลาด 5G ในประเทศไทยจะเติบโตได้สูงถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ"
โดยตลาดหลักที่มีศักยภาพและเจริญเติบโตได้ดีจะมี 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในบ้านที่อยู่อาศัยผ่านอุปกรณ์ FWA (Fixed Wireless Access) กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Mobile และกลุ่ม B2B ภาคอุตสาหกรรมเป็นสัดส่วนก้อนใหญ่ โดยเน้นไปในกลุ่มธุรกิจการผลิต การค้าปลีก การขนส่งและการกระจายสินค้า ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้ศักยภาพของ 5G ในเมืองไทยสามารถตอบโจทย์ได้ในทุกกลุ่ม จากการทำงานอย่างหนักของ AIS ในช่วงปีที่ผ่านมาผ่านความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่หลากหลายทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต การเงิน ค้าปลีก สาธารณสุข การศึกษา และอีกมากมายซึ่งแน่นอนว่าได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ 5G ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาพใหญ่ของโลกในยุค New Normal ใน 3 ประเด็นหลัก คือ
- Anywhere Operations เพราะสถานการณ์จากโควิด-19 ได้บีบบังคับให้เกิดพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน (WFH) เรียนที่บ้าน (LFH) หรือทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา อย่างทันทีทันใด ความท้าทายจึงอยู่ที่ความเร็วในการปรับตัวและสร้างรูปแบบการบริหารจัดการองค์กร รวมไปถึงการพัฒนา “คน” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความแข็งแกร่งของประเทศ
- Internet of Behavior (IoB) หลังจากที่ IoT หรืออุปกรณ์ทุกสิ่งถูกเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เสมือนเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการเชื่อมต่อเหล่านั้น เพื่อให้เข้าใจและสามารถ Personalize บริการต่างๆ ให้ได้ถึงระดับ Nano Segment
- Space that blurred the physical and virtual เมื่อผู้คนต่างใช้ชีวิตทุกด้าน ทั้งเรียน ทำงาน ชอปปิ้ง รับชมความบันเทิงผ่านหน้าจอบนโลกออนไลน์ จึงทำให้เทคโนโลยี Virtual Reality หรือ Augmented Reality หรือ แม้แต่ Metaverse ที่เป็นเทรนด์ล่าสุดได้ก้าวเข้ามาสร้างโลกเสมือนจริง ที่มอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่สามารถเชื่อมต่อ มีปฏิสัมพันธ์กับโลกแห่งความจริงอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งเชื่อว่าจะกลายเป็นวิถีปกติใหม่ในท้ายที่สุด
โดยรวมผลกระทบทั้ง 3 ข้อ กระตุ้นให้ทุกคนต้องปรับตัว เปลี่ยนวิธีคิดในทุกเรื่องอย่างเร่งด่วน ดังนั้น AIS หนึ่งใน Digital Ecosystem ของประเทศ ที่นอกจากจะมุ่งมั่นกับ 3 เป้าหมายหลักเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต ที่ประกอบด้วย คือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุดเสมอจากธุรกิจไร้สายปัจจุบัน 2.ต่อยอดกลไกแห่งการเติบโตผ่านธุรกิจเน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร 3.ลงทุนในธุรกิจดิจิทัลเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตแล้ว หน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากฝีมือคนไทยที่ไม่แพ้ต่างประเทศก็เป็นหน้าที่ของเราเช่นกันที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ดังกรณีของการเปิดหน่วยงานใหม่ที่ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์พัฒนา Metaverse Human คนแรกของไทย ด้วยฝีมือคนไทย ที่จะมาเป็น Brand Ambassador หนึ่งใน AIS Family คนใหม่ ในชื่อ น้องไอ-ไอรีน พร้อมกับการออกแบบ Business Model ของการตลาดที่โลกยุค Metaverse นั้น KOL จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจได้อย่างมหาศาลและทำให้ไทยพร้อมแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง AIS ถือเป็นหน้าที่ในการร่วมผลักดันนวัตกรรมนี้ในฐานะผู้พัฒนาโครงข่าย 5G และพร้อมต้อนรับพาร์ตเนอร์ที่สนใจมาร่วมทำงานด้วยกันอีกด้วย
"ท่ามกลางสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่แปรปรวนจากการมาถึงของโควิด-19 และก่อให้เกิดการ reset ในหลายด้าน และนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นในฐานะที่ประเทศไทยมีจุดได้เปรียบอยู่ที่ศักยภาพของคน และโครงสร้างพื้นฐานอย่าง 5G ที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ การนำศักยภาพทั้งหมดมาเสริมความเข้มแข็งของประเทศได้อย่างดีที่สุด"
จึงต้องเกิด 3 ประสานที่สมบูรณ์แบบ เริ่มจากภาคประชาชน ที่วันนี้มีความพร้อมที่จะปรับตัว เปิดรับการใช้เทคโนโลยีเพื่ออยู่ในโลกปกติใหม่ได้อย่างดี ต่อมาคือ ความแข็งแกร่งของภาครัฐที่มีทรัพยากรในมือมหาศาล หากแต่มีความท้าทายอยู่ที่ความสามารถในการบูรณาการให้เกิดพลัง รวมถึงการกำหนดกรอบนโยบายที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริง
เมื่อผสมผสานเข้ากับภาคเอกชน ทั้งผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้ประกอบการทุกกลุ่มใน Digital Ecosystem ที่ต่างเดินหน้าทำงาน และลงทุนต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Digital Infrastructure และให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมดิจิทัลและเติบโต พร้อมแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแน่นอน และ AIS พร้อมจะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกำหนดอนาคตเพื่อให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม