3 ค่ายฟู้ดเดลิเวอรี่ “แกร็บ-ไลน์แมน วงใน-ฟู้ดแพนด้า” ประสานเสียงวอนรัฐบาลทบทวนแผนกดดันลดค่า GP หรือค่าส่วนแบ่งการขาย หวั่นปรับลดค่า GP ไม่ช่วยทุกฝ่ายในระยะยาว ชงใช้มาตรการ “โปรโมทร้าน-จัดโปรฯแรง-คนละครึ่ง” ดันยอดขายร้านอาหาร ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย แนะดูโมเดลรัฐบาลสิงคโปร์ก่อนไรเดอร์รับผลกระทบค่ารอบลด 25-50% ด้านผู้บริโภคจี้รัฐอุ้มเดลิเวอรี ห่วงขึ้นค่าบริการซ้ำเติมโควิด
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่าจากเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือปรับลดค่าคอมมิชชันเป็นการชั่วคราวเพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับร้านอาหาร และผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้ง 4 รายได้ให้ความร่วมมือเหมือนที่เคยให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอด แต่โครงการนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการลดค่า GP ไม่เกิดประสิทธิผลเท่ากับการช่วยกระตุ้นยอดขายให้ร้านอาหารผ่านการทำโปรโมชัน มอบส่วนลด หรือการช่วยโปรโมทร้าน จึงอยากขอให้ภาครัฐทบทวนการพิจารณาและหามาตรการอื่นแทนการปรับลดค่า GP
“ค่าคอมมิชชันที่แพลตฟอร์มเรียกเก็บจากร้านค้านั้นไม่ใช่ ‘ผลกำไร’ ทั้งหมด แต่เป็นรายได้ที่แพลตฟอร์มต้องนำมาจัดสรรค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนคนขับ ค่าโฆษณาและการทำโปรโมชันสำหรับผู้บริโภค รวมถึงเทคโนโลยีและระบบต่างๆ โดยแพลตฟอร์มเองต้องพยายามรักษาสมดุลเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากในช่วงโควิด”
ดร. เก่งการ ย้ำว่ามาตรการอื่นที่ควรทำแทนการปรับลดค่า GP คือการเร่งผลักดันให้โครงการ “คนละครึ่ง” ใช้กับบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ได้เร็วที่สุด เพื่อเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ข้อเรียกร้องของผู้บริหารแกร็บมีต้นเรื่องจากกรณีที่หน่วยงานภาครัฐจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการจัดเก็บค่าส่วนแบ่งการขาย (ค่า GP) ที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มส่งอาหาร (ฟู้ดเดลิเวอรี่) เรียกเก็บจากร้านอาหารที่เข้าร่วมในแอปพลิเคชัน ในอัตรา 30-35% โดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและมีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ระบุว่า การปรับลดค่า GP จะส่งผลกระทบต่อพนักงานส่งอาหาร (ไรเดอร์) และผู้บริโภค เนื่องจากผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ทุกรายในไทยยังคงขาดทุน เพราะมีนโยบายทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลไปกับเทคโนโลยี การตลาด และการทำโปรโมชัน ทำผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องหาทางลดต้นทุน
แหล่งข่าวชี้ว่าหากต้องปรับลดค่า GP ค่ายฟู้ดเดลิเวอรี่จะมี 2 ทางเลือก คือปรับลดค่าตอบแทนหรือค่ารอบของคนขับ คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 25 - 50% อีกทางเลือกคือปรับขึ้นราคาขนส่งเพื่อรองรับค่าแรงคนขับและต้นทุนต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ไลน์แมน วงใน เผยว่า LINE MAN ไม่มีนโยบายปรับลดค่ารอบส่งอาหารของไรเดอร์ และหากภาครัฐบังคับให้ต้องลดค่า GP มีโอกาสที่ผลกระทบจะไปตกกับผู้บริโภค ซึ่งต้องรับภาระค่าขนส่งเพิ่มขึ้น เบื้องต้นบริษัทยังรอดูท่าทีของภาครัฐว่าจะมีนโยบายเรื่อง GP อย่างไร เพราะค่า GP ของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ ต่างจากค่า GP ที่ห้างสรรพสินค้าคิดกับร้านอาหารที่เช่าพื้นที่ภายในห้างฯ
“ส่วนตัวผมอยากให้ภาครัฐได้ดูโมเดลการแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่เพิ่งประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ และไม่อนุญาตให้นั่งกินในร้าน เพิ่งจะมาปลดล็อกได้ไม่นาน โดยอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้นที่จะนั่งกินในร้านได้ โดยโมเดลดังกล่าว ภาครัฐได้ให้เงินอุดหนุนกับทางแพลตฟอร์มในส่วนต่างที่หายไปจากค่า GP ซึ่งเป็นวิธีที่เวิร์กมาก เพราะวินๆ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ลูกค้า ไรเดอร์ หรือแพลตฟอร์ม”
ด้านผู้บริหารฟู้ดแพนด้าระบุว่านอกจากโครงการที่บริษัทฯและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหลายรายอื่นเคยให้ความร่วมมือกับภาครัฐปรับลดค่า GP ชั่วคราวเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา จะสามารถพิสูจน์แล้วว่าไม่ประสบผลสำเร็จจนเห็นได้ชัดจากยอดขายและรายได้ของร้านอาหารลดลง แต่ภาวะที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจำเป็นต้องยกเลิกโปรโมชันและการโปรโมทให้กับร้านค้านั้นส่งผลให้ไรเดอร์มีรายได้ลดลงด้วย เนื่องจากจำนวนคำสั่งซื้อมีน้อยลง ขณะที่ผู้บริโภคเองก็ไม่ได้รับโปรโมชั่นคุ้มค่าอย่างที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้
“ค่า GP ที่เรียกเก็บถือเป็นเงินต้นทุนที่แพลตฟอร์มนำมาใช้ในการทำการตลาดให้กับร้านค้าพันธมิตร พอเราไม่มีเงินต้นทุนตรงนี้ ก็แปลว่าสิ่งต่างๆ ที่เคยทำให้ร้านค้า เช่น การโฆษณาโปรโมทร้านก็มีน้อยลง ซึ่งกระทบกับร้านค้า เพราะออเดอร์สั่งซื้อมีน้อยลง ขณะที่ไรเดอร์ก็งานหด รายได้ก็ลดลงไป ส่วนผู้บริโภคที่เคยได้ดีลดีๆ จากแพลตฟอร์ม เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หรือส่วนลดค่าอาหาร แต่พอ GP ลดลง ดีลเหล่านี้ก็ลดลงตามไปด้วย กระทบทั้ง ร้านค้า ไรเดอร์ และลูกค้า” ผู้บริหารฟู้ดแพนด้ากล่าว
ไรเดอร์โอด หวั่นลด GP ทำค่ารอบหด
ตัวแทนไรเดอร์ผู้จัดส่งอาหาร นายธนากร พลอยแสง แอดมินเพจ “กูขับ LINEMAN RIDER” กล่าวว่าสมาชิกในกลุ่มฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการปรับลดค่า GP เพราะท้ายที่สุดอาจมีผลกระทบต่อเนื่องมาถึงกลุ่มไรเดอร์ โดยเฉพาะการจะต้องถูกปรับลดค่ารอบส่งอาหาร และหากคำสั่งของภาครัฐมีผลบังคับใช้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ จะยิ่งทำให้ไรเดอร์ในต่างจังหวัดที่ได้รับค่ารอบต่ำกว่าในกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่แล้วอยู่กันอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น
“ภาครัฐอาจจะไม่ทราบว่าทุกวันนี้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดและนโยบายล็อกดาวน์ของรัฐบาล หันมาประกอบอาชีพไรเดอร์เป็นจำนวนมากเพื่อหาเลี้ยงชีพ ทำให้ไรเดอร์เดิมถูกแย่งงานจนรายได้ต่อวันลดลงไปมาก หากมีการปรับค่า GP จนไรเดอร์ต้องถูกลดค่ารอบอีก เชื่อว่าจะต้องมีไรเดอร์จำนวนมากออกมาประท้วงอย่างแน่นอน”
นายอรรถพล คล้ายเอ็ม หนึ่งในแกนนำ “กลุ่ม Grab เคลื่อนที่เร็วเราช่วยกัน” เชื่อว่านอกจากจะกระทบคนขับโดยตรงแล้ว หากภาครัฐบีบให้ต้องลดค่า GP น่าจะส่งผลถึงผู้ใช้บริการและภาพรวมธุรกิจอาหารด้วย เพราะถ้ารายได้ของแพลตฟอร์มหายไปจากการลดค่า GP บริษัทฯ ก็ต้องมาลดค่ารอบคนขับ
“นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้คนขับที่ได้รับผลกระทบรวมตัวกันออกไปแสดงพลังให้ภาครัฐได้รับรู้ถึงปัญหาของพวกเรา และถ้าไม่มีทางออกที่ดีหรือรายได้ของคนขับไม่คุ้มค่า ต้องมีคนขับจำนวนไม่น้อยหยุดให้บริการและหันไปทำอาชีพอื่นซึ่งก็ไม่รู้จะหาได้หรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในที่สุด เพราะเมื่อมีคนส่งอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอนานหรืออาจจะไม่มีคนให้บริการเลยในช่วงโควิด”
อีกหนึ่งไรเดอร์จากค่าย Foodpanda นายสมยศ ปิงจุลัด ซึ่งรับงานส่งอาหารพาร์ทไทม์หลังเลิกจากงานประจำ กล่าวว่าการปรับลดค่า GP อาจกระทบต่อไรเดอร์ทั้งกลุ่มที่ขับเป็นงานประจำและพาร์ทไทม์
“ทุกวันนี้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้ามีรายได้ต่อรอบการส่งอาหารสูงสูดที่ 48 บาทและต่ำสุดที่ 30 บาท ขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันก็สูงขึ้นตลอดเวลา หากรัฐประกาศลดค่า GP และบริษัทฯ ต้องลดค่ารอบส่งอาหารของไรเดอร์ลงอีก เราคงต้องมองหาทางรอดอื่่น ถ้าไม่ย้ายไปค่ายอื่นที่ให้ค่าตอบแทนดีกว่า ก็อาจจะต้องเปลี่ยนอาชีพไปเลย”
GP ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อ
ในมุมผู้ใช้บริการ นางสาวกีรตยา กำลังมาก เจ้าหน้าที่สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่า GP อาจไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสั่งซื้ออาหารมากนัก เนื่องจากปกติผู้บริโภคจะพิจารณาจากโปรโมชันของร้านเป็นหลัก เช่น ส่วนลดค่าอาหารหรือส่วนลดค่าส่ง ควบคู่กับระยะทางในการจัดส่ง โดยส่วนตัว การเลือกสั่งอาหารจะพิจารณาจากร้านที่มีราคาถูกที่สุด จึงไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐจะปรับลดค่า GP เพราะนอกจากไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคแล้ว ยังอาจสร้างปัญหาอื่นตามมา
“ยิ่งถ้าต้องถูกลดค่ารอบ อาจทำให้ไรเดอร์หยุดให้บริการหรือเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน แบบนี้ผู้บริโภคอาจต้องรออาหารนานขึ้น หรืออาจต้องเสียค่าบริการเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไรเดอร์จัดส่งอาหารให้เร็วขึ้น”
ด้านนางสาวศิรินทร์รัตน์ จันทะมาต พิธีกรรายการเปิดสนามข่าวเศรษฐกิจ คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 97 เพื่อความรู้และสาระบันเทิง กล่าวว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นทำให้สังคมเกิดความกังวลใจว่า อาหารที่สั่งผ่านบริการฟู้ดเดลิเวอรี่จะมีราคาแพงขึ้น หรือผู้บริโภคอาจได้รับสินค้าในปริมาณที่ลดลง เพราะจากประสบการณ์หลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลควบคุมราคาสินค้าเมื่อใด ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นทันที รัฐบาลจึงไม่ควรควบคุมราคาสินค้า จนเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชน เพราะจะเป็นการซ้ำเติมเกินไป แต่ควรให้การสนับสนุนร้านอาหาร และผู้ให้บริการมากกว่า.