ผู้จัดการรายวัน 360 - ภาคเอกชนรวม 8 สมาคมธุรกิจยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศปก.ศบค. รวมถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอพิจารณาให้คลายล็อกเปิดศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ ธุรกิจประเภทต่างๆ และสนามกอล์ฟ เป็นการเร่งด่วน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาการเลิกจ้างงานจำนวนมาก และกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก
นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด ในฐานะกรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย และผู้แทนคณะทำงาน 8 สมาคมธุรกิจ ได้รับมอบหมายจาก นายนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า สมาคมศูนย์การค้าไทย, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมคลินิกเอกชน, สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย, สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย, สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมสนามกอล์ฟไทย รวม 8 สมาคมที่เกี่ยวข้อง
ได้ยื่นหนังสือต่อ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศปก.ศบค. และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องนำเสนอแนวทางการลดระดับการล็อกดาวน์ (Lock Down) เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจ พร้อมนำเสนอแนวทางการเปิดศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ และธุรกิจต่างๆ ในศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ รวมถึงมาตรการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับการให้บริการอย่างปลอดภัย หลังได้รับผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ของภาครัฐที่มีการประกาศและคำสั่งให้ปิดกิจการเป็นระยะๆ เรื่อยมา
ทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างต้องประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ความเสียหายจากการล็อกดาวน์ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และร้านค้าประเภทต่างๆ มีมูลค่าโดยรวมกว่า 700,000 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสาเหตุของการติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ และสนามกอล์ฟนั้นต่ำมาก อีกทั้งประชาชนโดยรวมนั้นมีความเข้าใจมากขึ้นในการดูแลด้านสุขอนามัย ในขณะที่ปัจจุบันร้านค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่ WFH มีความจำเป็นและต้องการสินค้าประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้นมีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่แสดงสินค้า
ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และสนามกอล์ฟ โดยขอให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาการปลดล็อกเป็นระยะ และมีแผนการปลดล็อกที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนรับทราบล่วงหน้า โดยอาจใช้เกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับต่างประเทศ เช่น อัตราได้รับการฉีดวัคซีนของประชาชน
“จากกรณีศึกษา รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ได้มีการปลดล็อกให้ศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร และสนามกอล์ฟ เปิดให้บริการตามปกติกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เรื่อยมา โดยหลายประเทศใช้เกณฑ์การได้รับวัคซีนของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีตั้งแต่ 45-70% ของประชากร และแนวโน้มของผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตลดลงตามลำดับ ดังนั้น พบว่ากรุงเทพฯ มีประชากรกว่า 80% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน และประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่าหลายประเทศที่กล่าวข้างต้น
โดยสรุป จึงอยากขอให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญด้านการบริหารการจัดการการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็ว พิจารณาให้ความสำคัญเปิดธุรกิจต่างๆ ในศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ และสนามกอล์ฟ ปัจจุบันผู้ประกอบการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวแบกรับภาระต้นทุนต่างๆ มากมาย หากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบเร่งด่วน เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดปัญหาเลิกจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมาก และเสริมท้ายว่า กรุงเทพฯ มีธุรกิจในภาคบริการเป็นสัดส่วนที่สูง และการจัดให้มีวัคซีนที่เพียงพอและมีทางเลือกที่ดีอาจผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็น Vaccine Destination ให้แก่ประเทศข้างเคียงในภูมิภาคได้อีกทางหนึ่งด้วย”