‘นพ.ประวิทย์’ จี้ กสทช.ควรเยียวยาประชาชนด้วยการคืนเงินย้อนหลัง กรณีโทร.ไปยังเลขหมายสั้น 4 หลัก ช่วงโควิด-19 เพราะต้องเสียค่าบริการ โทร.ไม่ฟรี แถมไม่รวมอยู่ในแพกเกจค่าโทร. หากประชาชนไม่เสียเงินก็โทร.ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ต้นทุนเท่ากันกับการโทร.เลขหมายทั่วไป ย้ำพูดในบอร์ดก็ไม่มีคนสนใจ ด้านคนในวงการระบุอย่าแค่วัวหายแล้วล้อมคอก แต่ดีอีเอส หรือรัฐบาลควรหารือ กสทช.เร่งด่วนงัดมาตรการโทร.ฟรี เน็ตฟรี บรรเทาทุกข์ประชาชน
หลังจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. จนทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการ ‘โทร.ฟรี’ สายด่วนของหน่วยงานรัฐทั้ง 8 เลขหมาย ได้แก่ 1668, 1669, 1330, 1422, 1323, 1646, 1506 และ 1111 ที่รองรับการให้บริการข้อมูลตรวจสอบสิทธิประโยชน์ ให้คำปรึกษาแนะนำ และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ การหาเตียงสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้การดูแล ป้องกัน แจ้งเตือนและให้ความช่วยเหลือประชาชนในภาวะสถานการณ์ที่ฉุกเฉินและเร่งด่วน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาทำนอง ‘วัวหายล้อมคอก’ ถึงแม้จะช้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคมให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นอกจากแค่ประสานความร่วมมือกันให้ประชาชนโทร.ฟรี เลขหมายสั้น 4 หลักที่จำเป็นในภาวะวิกฤตโควิด-19 กระทรวงดีอีเอส หรือในนามรัฐบาลควรจะหารืออย่างเร่งด่วนกับ กสทช.เพื่อหาทางบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนยามที่รายได้ประจำขาดหายไป แต่รายจ่ายประจำยังมีอยู่ อย่างค่าโทรศัพท์มือถือ หรือค่าอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
‘รัฐบาลควรรีบหารือกับ กสทช.หามาตรการให้ประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือ กับค่าอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ฟรีจำนวนหนึ่ง โดยอาจใช้เงินจากหลายกองทุนที่มีอยู่มาสนับสนุน เพื่อช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชน’
ด้าน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ กสทช.เรื่องการขอความร่วมมือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ให้ประชาชนโทร.ฟรีในเลขหมายสั้น 4 หลักนั้น ตนเองได้มีการเสนอให้สรุปข้อมูลที่ประชาชนโทร.ออกของแต่ละค่ายผู้ให้บริการด้วยว่าประชาชนมีการเสียเงินไปเท่าไหร่ เพื่อดำเนินการเยียวยาคืนเงินให้ประชนชนด้วย และเอกชนเองก็สามารถมาขอส่วนลดจากการเก็บเงินเข้ากองทุน USO ภายหลังได้
แต่สำนักงาน กสทช.แจ้งว่าวาระนี้เป็นข้อเสนอของสำนักงาน กสทช.ที่ขอความร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์เท่านั้นจึงไม่ได้มีการพิจารณาและมีมติในเรื่องเยียวยาดังกล่าวจากที่ประชุม
นพ.ประวิทย์ มองว่าความร่วมมือนี้เป็นแค่ความร่วมมือชั่วคราว แต่ไม่ตลอดไป ดังนั้นจึงไม่รับประกันว่าจะเริ่มเก็บค่าบริการแบบเดิมเมื่อไหร่ ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหามานานแล้วโดยเฉพาะเรื่องค่าโทร.เลขหมายสั้น 4 หลักนี้มีค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมกับแพกเกจค่าโทร. เช่น แพกเกจโทร.ฟรี 100 นาที แต่เลขหมายสั้นดังกล่าวจะเป็นการคิดค่าบริการแยกออกมา เสียค่าบริการนาทีละ 1.50 บาท ทั้งที่ต้นทุนค่าบริการหรือการใช้เน็ตเวิร์กมีต้นทุนเท่ากัน แต่ทำไมถึงไม่คิดรวมในแพกเกจ หรือหากจะอ้างว่ามีต้นทุนค่าไอซี (ค่าเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างกัน) ที่ต้องเชื่อมต่อกับผู้ดูแลคือบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ก็ไม่น่าเป็นประเด็นปัญหาเพราะสำนักงาน กสทช.รับเรื่องมาจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่กระทรวงดีอีเอสจะไปเจรจากับ NT
ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว กสทช.ควรกำหนดให้เป็นเบอร์โทร.ฟรีหรือควรสร้างเบอร์ฉุกเฉินแห่งชาติเบอร์เดียว เพื่อให้ประชาชนโทร.หาง่าย ไม่ต้องจำเบอร์หลายเบอร์โดยต้องมีการสร้างระบบหลังบ้านให้บูรณาการเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้จากการโทร.เบอร์ฉุกเฉินที่โทร.ได้ฟรี แม้ไม่มีเงินในโทรศัพท์ หรือ โทรศัพท์ถูกล็อกหน้าจออยู่ก็ตาม
‘เรื่องนี้ทำไมประเทศไทยทำไม่ได้ ทุกวันนี้มีหลายเบอร์ให้ประชาชนต้องจำ เราควรมีเบอร์เดียวเป็นเบอร์ฉุกเฉินแห่งชาติแต่ติดตรงที่ว่าแต่ละหน่วยงานต่างก็อยากมีระบบของตนเอง ทั้งๆ ที่การเชื่อมโยงระบบหลังบ้านไม่ใช่เรื่องยาก’
