สนุกแน่นอนเมื่อ "เอไอเอส" (AIS) ประกาศบทบาทใหม่ในการเป็นพันธมิตรโอเปอเรเตอร์รายเดียวของ ‘ดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์’ (Disney+Hotstar) ที่มีบริการแพกเกจรายเดือนให้ลูกค้าจ่ายเพิ่ม 35 บาทต่อเดือนเพื่อชมภาพยนตร์-ซีรีส์-รายการยอดนิยมระดับโลกได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ความเผ็ดของดีลนี้ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาความบันเทิงเท่านั้น แต่อยู่ที่ภาพรวมอิมแพกต์จากดีลที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันในตลาดดิจิทัลเซอร์วิสประเทศไทยได้ชัดเจน
หนึ่งในประเด็นน่าสนใจคือ AIS ยื่นมือมาเป็นกลไกหลักในกระบวนการลงทะเบียนสมัครล่วงหน้า 1 เดือนก่อนที่ Disney+Hotstar จะเปิดบริการเต็มตัวในประเทศไทยวันที่ 30 มิ.ย.64 จุดนี้ผู้บริหารบอกว่า สถิติการลงทะเบียนล่วงหน้าที่จะได้มานั้นคือตัวชี้วัดความนิยมซึ่ง AIS ได้พยายามเต็มที่ด้วยการตั้งราคาที่หาไม่ได้ในประเทศอื่น
ราคา 35 บาทต่อเดือนนั้นไม่ธรรมดา เพราะ AIS ใช้กำลังภายในจนสามารถลดราคาจาก 99 บาทต่อเดือนที่ Disney+Hotstar ประกาศไว้บนหน้าเว็บ แล้วทำโปรโมชัน 35 บาทต่อเดือนนาน 12 รอบบิลโดยที่เดือนที่ 2 ไม่เสียค่าบริการ เรื่องนี้น่าสนใจเพราะ 35 บาทนั้นเทียบได้กับราคา 39 บาทที่คู่แข่งอย่าง 3BB เคยทำโปรโมชันให้ลูกค้าแพกเกจเน็ตบ้าน ให้สามารถชมรายการจากเอชบีโอโก (HBO GO) ได้ตั้งแต่มีนาคม 63 ซึ่งเป็นเวลาที่ช่องรายการในกลุ่ม HBO หมดสัญญาแพร่ภาพกับ AIS PLAY จน HBO ต้องมาซบอก 3BB แทน
รอบนี้ AIS สามารถเดินหมากได้อย่างฉลาด แถมเป็นหมากที่สร้างโอกาสทางธุรกิจให้บริษัทได้หลายต่อ เรียกว่ายิงนัดเดียวแต่คู่แข่งเจ็บทุกรายทั้งในสังเวียนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน และบริการสตรีมมิ่ง การเข้ามาของ Disney+Hotstar สู่ประเทศไทยจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับ AIS ให้แข่งได้สนุกขึ้นอีกในหลากมิติ
***ทุกมิติสำคัญทั้งหมด
AIS เป็นบริษัทที่ได้ชื่อว่าลงทุนในหลายมิติมาตลอด ด้วยฐานะการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่มีฐานลูกค้าทะลุ 42.7 ล้านเลขหมาย ขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านในนามเอไอเอสไฟเบอร์ซึ่งมีลูกค้า 1.4 ล้านราย นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ให้บริการเอไอเอสเพลย์ (AIS PLAY) บริการสตรีมมิ่งที่เคยได้รับสิทธิถ่ายทอดช่องภาพยนตร์ HBO แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมานาน 3 ปี
ฐานะเหล่านี้ทำให้ทุกมิติการลงทุนของ AIS น่าจับตามอง โดยเฉพาะปีที่แล้วที่ AIS ได้ประกาศยกเลิกการให้บริการช่อง HBO ทั้งเซ็ต รวมถึงบริการสตรีมมิ่งออนดีมานด์ที่อัดแน่นด้วยภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง HBO GO ในเมื่อไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ HBO เจ้าพ่อโอเปอเรเตอร์ไทยจึงปรับลดราคาแพกเกจ Play Premium และ Play Premium Plus เหลือเดือนละ 299 และ 199 บาท จากที่เคยตั้งราคาแพงสุดไว้ที่ 599 บาทต่อเดือน
1 ปีผ่านไป AIS สามารถบรรลุดีลกับ Disney ขึ้นเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ให้ลูกค้า AIS ทุกคนสมัครชม Disney+Hotstar ในราคาพิเศษ แต่มีข้อแม้ว่าต้องสมัครล่วงหน้า 8-27 มิถุนายน 64 ใครสมัครไม่ทันจะต้องรอการประกาศแพกเกจย่อยในอนาคต และใครที่ไม่ได้ใช้ AIS จะต้องรอสมัครตามปกติในราคา 799 บาทต่อปี
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า ‘ราคาพิเศษสุดนี้’ แสดงความตั้งใจให้บริการ เพื่อสร้างความบันเทิงแก่ทุกคนในประเทศไทย ผู้มีเบอร์ AIS สามารถกดสมัครได้ทันทีหรือทางเว็บไซต์บริษัท โดยที่ Disney+ และ AIS Play จะเป็นคนละแอปพลิเคชันกัน ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Disney+ มาชมได้โดยตรง ซึ่ง 1 บัญชีชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์
‘ดีลนี้ทำให้ลูกค้า AIS ทุกรายได้รับประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ใช้ AIS อยู่ คนยังไม่ได้ใช้ก็ขอเชิญชวนให้มาใช้บริการคอนเทนต์ที่ Disney+ เตรียมไว้อย่างเต็มที่’ ปรัธนาอธิบาย ‘การเปิดตัวราคานี้จะพลิกโฉมตลาดสตรีมมิ่งจากเดิมที่มีมากมหาศาลอยู่แล้ว ทั้งพรีเมียมหรือฟรีเมียม ไทยเป็นประเทศที่ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดของโลก เชื่อว่าการให้บริการ Disney+ ในไทยจะเป็นจุดสำคัญที่คอนเทนต์คุณภาพสูงจะมาที่ประเทศไทย เชื่อว่าการรับชมจะถูกใจมากขึ้น ตรงกับหลายเซกเมนต์มากขึ้น’
เบื้องต้น ผู้บริหาร AIS ปฏิเสธไม่บอกตัวเลขคาดการณ์ว่า Disney+ จะทำให้ AIS มีลูกค้าเลขหมายเบอร์โทรศัพท์เพิ่มกี่ราย ระบุเพียงว่าผู้ใช้บริการเอไอเอสไฟเบอร์ที่ยังไม่ได้ใช้เบอร์โทร AIS จะสามารถรับเบอร์ฟรีเพื่อสมัคร Disney+ ในราคาพิเศษได้ทันที
ในเชิงเทคนิค บริษัทยืนยันว่า Disney+รองรับสมาร์ททีวีและสมาร์ทบ็อกซ์ที่หลากหลาย สำหรับผู้ใช้งาน AIS Play Premium จะได้สิทธิดู Disney+Hotstar 6 เดือนทันที ส่วน AIS Play Premium Plus จะได้สิทธิดู Disney+Hotstar 12 เดือนทันที โดยตัวกล่อง AIS Play จะมีการอัปเดตภายในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อเพิ่มแอป Disney+ Hotstar ในระบบ
‘Disney+ จะไม่ทับซ้อนกับ AIS Play เพราะตลาดมีความหลากหลายทั้งในส่วนผู้รับชมและเนื้อหา โดยเฉพาะตัวเนื้อหาที่จะไม่ทับซ้อนกันแน่นอนเพราะไม่ซ้ำกันกับที่มีอยู่’ ปรัธนาเสริม ‘การเปิดลงทะเบียนล่วงหน้านั้นสำคัญกับ AIS มาก เห็นได้ชัดจากความตั้งใจ เพราะแพกเกจราคาสุดพิเศษและการรับสิทธิชมที่ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม’
ปรัธนา ย้ำถึงทิศทางการลงทุนด้านเนื้อหาหรือคอนเทนต์ในปีนี้ ว่า จะเน้นคู่ไปกับการลงทุนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทจะตั้งใจพัฒนาร่วมกับพาร์ตเนอร์คอนเทนต์หลายรูปแบบ ซึ่งจะเห็นความต่อเนื่องเพื่อสร้างดิจิทัลเซอร์วิส เบื้องต้น ยังเปิดเผยเป็นตัวเงินไม่ได้ ยืนยันได้เพียงว่าบริษัทจะร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ให้เต็มที่กว่าเดิม
***ที่มาดีลสุดลงตัว
ผู้บริหารมั่นใจว่าแนวทางของ AIS กับ Disney นั้นตรงกัน โดยเฉพาะในแง่ของการร่วมมือกันเพื่อนำสิ่งที่ดีมาให้ลูกค้า ลำพัง AIS นั้นเข้มแข็งเรื่องบริการ และโครงสร้างการดำเนินงาน เช่น การออกบิล การเก็บเงิน และการมีสัมพันธ์อันดีกับหลายส่วน ถือเป็นจุดแข็งที่จะเชิญชวนให้ Disney เป็นพันธมิตรด้วย นอกเหนือจากปริมาณลูกค้า AIS ที่มีหลายสิบล้านราย
หากมองที่การแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต ผู้บริหารมองว่าการแข่งขันจะเกิดขึ้นรุนแรงที่ 2 ส่วน หนึ่งคือการมีคอนเทนต์ที่ถูกใจลูกค้าหลายเซกเมนต์ อีกส่วนคือประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยม
‘โครงข่ายจะต้องรองรับได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ AIS ลงทุนมาตลอดทั่วประเทศ ทั้งไฟเบอร์ทั้งบรอดแบนด์คุณภาพสูง เราไม่ได้มีแต่คอนเทนต์ แต่รวมประสบการณ์บนดิจิทัลด้วย’ ปรัธนาย้ำโดยยกคำพูดของซีอีโอ ‘สมชัย เลิศสุทธิวงค์’ ว่า ‘ที่สุดแล้ว อินฟราสตรักเจอร์จะเป็นเหมือนเส้นเลือดหลัก ทุกระบบในร่างกายจะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่เส้นเลือดนี้’
ในภาพรวม ปรัธนามั่นใจว่าคอนเทนต์จะมีส่วนช่วยเสริมความแกร่งให้ AIS สู้ในสังเวียนโอเปอเรเตอร์ได้ดี เพราะในปัจจุบัน 3 ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคมองเพื่อเลือกใช้บริการคือคุณภาพ การให้บริการ และดิจิทัลเซอร์วิสอื่นที่คุ้มค่า และเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองหา หลักคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ AIS เลือกกำหนดให้ราคา 35 บาทต่อเดือนไม่ได้อยู่ในรูปแบบสัญญา แต่เป็นค่าใช้บริการรายเดือนที่ใช้แล้วสามารถยกเลิกได้ บนข้อแม้ว่าการกลับมาสมัครใหม่จะไม่ได้รับราคาเดิม ต่างจาก 3BB ที่เคยผูกสัญญาผู้สนใจชม HBO GO กับแพกเกจเน็ตบ้านแบบรายปี
การมาของ Disney+Hotstar ยังสะท้อนแนวโน้มตลาดวิดีโอออนดีมานด์ไทยที่จะดุเดือดยิ่งขึ้น ทุกค่ายจะพยายามเสริมความเข้มแข็งด้วยการพัฒนาคอนเทนต์ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ แม้แต่ AIS เองก็ต้องเปิดกว้าง และเตรียมทางเลือกให้ลูกค้าที่สนใจสตรีมมิ่งค่ายอื่นทั้งเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) หรือยูทูบพรีเมียม (Youtube Premium) เช่นกัน เหมือนที่เคยเปิดให้ลูกค้ารับสิทธิดูฟรี 3-12 เดือนมาก่อนหน้านี้
มุมเดียวที่มีอิมแพกต์น้อยที่สุดคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ในไทย ผู้บริหาร AIS เชื่อว่า Disney+ จะไม่กระทบกับธุรกิจโรงหนังเพราะยังเป็นลักษณะความบันเทิงที่แตกต่าง โดยภาพยนตร์เรื่องใหม่อาจยังมีผู้ชมที่ต้องการไปชมในโรงภาพยนตร์เพื่อได้รับอรรถรสที่แตกต่าง เช่นเดียวกับร้านอาหารที่แม้จะสั่งมากินที่บ้านได้แต่ก็ยังต้องการประสบการณ์จากบรรยากาศร้านที่สะดวกสบาย
ว่าแต่ว่า ชาว Disney+ จะเตรียมสนุกกับเรื่องไหนจากดีลนี้ก่อนดี?